28.12.53

ก่อนปีใหม่



อีก 3 วันก็ปีใหม่แล้ว ไปเที่ยวที่ไหนยังไม่ได้สรุปเลยเว้ยเห้ย (555) มาอัพบล็อคไว้ก่อนที่จะหยุดยาวๆ ปีนี้อาจจะไปโผล่ที่เดิมเหมือนปีที่แล้วหรือไปที่ใหม่ก็ได้ ป่านนี้แล้วยังไม่รู้ชะตากรรม เอาเป็นว่าปีใหม่ หากเที่ยวก็เที่ยวด้วยความระมัดระวังกันด้วยล่ะ ใครกินเหล้าเมา ก็ให้คนอื่นขับละกัน ขับด้วยตัวเองเดี๋ยวจะม้วยกันสียก่อนวลาอันควรด้วย (อย่าผวนน)

ยังไม่ทันจะข้ามศักราชใหม่ ข่าวอุบัติเหตุทะยอยกันมารายงานตัวกันเป็นว่าเล่น เที่ยวด้วยความสนุกและรอบคอบนะแจ๊ะ อากาศปีนี้น่าจะหนาวนะ (ปีที่แล้วแม่งก็หนาวแบบนี้ล่ะครับ) ก็ไม่เห็นแปลกอะเนอะ...
ไปและ แจ๊บส์ๆ... (เอ้า 555)

ตัดจบแม่งดื้อๆ

28 ธ.ค. 53
จะปีใหม่แล้วโว้ย
อยากขี่มอไซโว้ยยย

27.12.53

เดินเล่น



เมื่อวานไปเดินเล่นกับหญิงมาครับ (เดินจริงๆ นี่ล่ะ แต่เมื่อยไม่ใช่เล่นเลย) ที่ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต และต่อด้วยเซียร์รังสิต (เดินอะไรหลายที่วะ 55) ได้ผ้าใบมาสองคู่ สีแดงดำและครีมลายตาข่ายกับกุงเกงสามส่วนอีกสองตัว หมดไปพันกว่าๆ แต่หญิงน่ะโดนไปหลาย ทั้งที่ของมันชิ้นละไม่กี่บาท 50 มั่ง 70 มั่ง (แต่เอา 50 หรือ 70 คูณด้วย 15 สิครับ)

ของขายร้อยละ 80% เป็นเสื้อผ้าครับ รองลงมาก็เป็นเครื่องประดับแล้วก็พวกรองเท้า กระเป๋า นู่น นี่ นั่น โน่น เยอะแยะไปหมด ถ้าตั้งใจที่จะมาล้มละลายที่ซียร์ หรือฟิวเจอร์ พาร์ครังสิต ท่านได้สิ่งที่ต้องการแน่นอนครับ เพราะอะไรๆ แถวนี้มันน่าซื้อไปหมดสิวะ เริ่มเดินตั้งแต่หกโมงเย็น จนจบภาระกิจที่เฉียดๆ สองทุ่มเท่านั้น (กู) แบกของกันมือเป็นระวิงทีเดียวเชียว ได้รองเท้าใหม่มาสองคู่ วันนี้เลยฉลองใส่ทำงานซะหนึ่งวัน ก่อนที่จะปิดยาวปีใหม่ในวันที่ 29 เดี๋ยวเอาใส่ท้ายรถเอาไปด้วย เผื่อไว้ใส่แอ๊กหมาแถวนั้นดู

ผู้หญิงนี่จะมีต่อมพิเศษอยู่ใต้ฝ่าเท้าครับ เมื่อมีตลาดนัดหรือสถานที่ช้อปละลานตาตั้งอยู่ตรงหน้า เธอจะลืมหมดทั้งชีวิต กด x เรียกของแล้วเพิ่มพลังชีวิตให้เต็ม level แล้วก้มหน้าก้มตา เดินๆๆๆๆๆๆ ซื้อๆๆๆๆๆๆๆๆ และช้อปแบบมหาประลัย

ส่วนผมแม่งเมื่อยโค่ดด แค่แว๊บเดียว เดินแค่นิดหน่อย
โดนไปแค่พันห้าก็ยังเหวอๆ อยู่เลยว่า อะไรวะ ของแค่ไม่กี่ชิ้นเนี่ยนะ
ไม่อยากจะคิดถึงหญิงที่โดนไปเฉียดหมื่น ของพะรุงพะรังเต็มมือ (กู)
ยังทำหน้าระรื่นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นในชีวิต เดินช้อปไปร้องเพลงลั๊นลาไป
ทำได้ไงวะ 555

ธันวา 53
รอ HD อยู่ด้วยใจระทึก

23.12.53

ในวันคริสมาส



ใกล้วันคริสมาสต์แล้ว มหาวิทยาลัยจัดงานวันที่ 24 ธ.ค. 53 เนื่องจากวันที่ 25 ซึ่งเป็นวันคริสมาสจริงๆ ดันตรงกับวันเสาร์ครับ ขืนจัดวันนั้นสงสัยได้ร่วมงานกับนกพิราบเป็นแน่แท้

หนึ่งประเพณีของที่ทำงานผม คือการมอบของขวัญให้กัน (ที่ไหนก็มีล่ะมั้ง) เดือนสุดท้ายของปีจะเป็นอะไรที่อิ่มหมีมากๆ ขนมเต็มห้องไปหมด เลือกกินกันไม่ถูก รวมไปถึงของขวัญชิ้นเล็กๆ จากอาจารย์ที่มาใช้ (งาน)บริการของออฟฟิศเรา ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกแก้วน้ำ ปากกา หรือสมุดจดจากใน bookstore นั่นล่ะครับ ซึ่งแน่นอน ผมเป็นคนออกแบบเกือบทั้งนั้น - -''

ซานตาคลอสของออฟฟิศผม ผ่านมาข้ามาในห้องคนแล้วคนเล่า หยิบของติดมือมาคนละชิ้นสองชิ้น เรียกว่าถ้าผมยังเป็นเด็กอายุซัก 10 ขวบล่ะก็ ยิ้มกันแก้มแหกทีเดียวครับ ที่นี่เป็นแบบนี้ ของเหลือเฟือจนบางครั้งต้องบอกอาจารย์ด้วยความเกรงใจ ว่าไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมาก แค่อาจารย์ยิ้มให้ผมก็พอแล้ว

แต่บางที่ คำว่าของขวัญนี่เป็นสิ่งที่แปลกปลอมสำหรับชีวิตมากนะครับ เหมือนที่บ้านนาแว อ.ฉวาง เมืองนคร นี่ล่ะครับ กล่องใบโตวางอยู่หน้าห้องถ่ายเอกสาร ถัดไปจากออฟฟิศผมนิดนึง สองวันก่อนเห็นมันเป็นกล่องเปล่าๆ ที่มีกระดาษแปะอยู่ข้างกล่อง ว่ารับบริจาคของที่ไม่ใช้แล้ว หรือยังไม่ได้ใช้ให้กับเด็กๆ ในต.นาแว เพื่อเป็นของขวัญวันเด็กในปีหน้า

มาวันนี้ กล่องใบโตเต็มไปด้วยตุ๊กตาที่ทำเอาผู้ชายแบบผม ต้องอมยิ้ม
แล้วแอบนิยมอยู่ในใจ ถึงจะไม่ใช่ธุระจากเรา แต่ก็น่ายินดีกับเด็กๆ ที่นาแว ด้วย
ว่าปีหน้าจะได้มีของขวัญเหมือนกับคนทางนี้บ้าง

มันเก่าน่ะไม่เท่าไหร่
แต่น้ำใจล้นออกมาข้างนอก
เห็นแล้วชื่นใจแทน

ธันวา 53
เมอรี่ คริสมาส ครับ

21.12.53

i love my space



ผมรักที่ว่างของผมนะ
มันมักจะมี space ให้ผมได้นั่งคิด
และได้นั่งเกลาความรู้สึกจากในที่ว่างนั้น

เสมอๆ

เวลามันผ่านไปนานมาก......

แต่ไม่ว่าครั้งใดที่หยิบเอามาคิด
เรื่องราวต่างๆ ที่ผุดขึ้นในหัวของเรา
เหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
แม้มันจะผ่านมานานหลายปีแล้วก็ตาม
























ที่ว่างของเราก็ยังคงเหมือนเดิม
ธันวาคม 2553

20.12.53

เปนตะกอน...







เมื่อวานซื้อ PENTACON Auto 2.8/29 mm Multi Coating (เลขเหี้ยไรเยอะแยะไปหมด - -') มาครับ
ราคาก็แค่ 2000 บาทเท่านั้นเอง ซื้อมาแล้วก็เลยถ่ายรูปมาฝากจ่ะ

(แปะรูปแล้วก็ชิ่ง แทนข้ออ้างว่าไม่ว่างเขียนบล็อค)
เมพฮิงๆ ก ู >_<

ธค. 53
มือหมุนทำให้โลกหยุดเคลื่อนไหว

17.12.53

หนึ่งปีที่ผ่านมา



แค่นั้นแหละ...
ธ.ค. 53

ปล. ข้ออ้างของการขี้เกียจเขียนบล็อค...คือการแปะรูป

13.12.53

มือหมุนทำให้โลกหยุดเคลื่อนไหว







ไปอ่างทองมาครับ แต่แวะหลงที่ลพบุรีเสียพักใหญ่ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันถึงได้เชื่อพิกัด GPS ผิดๆ ที่มีนักท่องเว็บบางคนโพสต์เอาไว้ แต่เอาหน่ะ หลงไปแล้วแต่ก็ยังมาถึงวัดม่วง วิเศษชัยชาญจนได้...

พกเลนส์ไปสามตัวเหมือนเดิม งัดเข้างัดออกๆ อยู่อย่างนั้นตลอดทริป ลำบากดีแต่ก็สนุกที่ได้มีสมาธิ หยุดฟังลมหายใจไปพร้อมกับหมุนเลนส์ในมือ ไม่ได้ดีกว่าเลนส์ออโต้ซักเท่าไหร่ เพียงแต่ว่ามันลดเวลารีบเร่งของเราให้ช้าและเนิ่บลง อย่างน้อยก็หนึ่งช่วงเวลาที่มือเราหาโฟกัสจากเลนส์

สามวันหยุดมีแต่เรื่องมากมาย ที่ทำให้คนใกล้ตัวได้กังวล ในขณะที่เราได้เพียงอธิบายสั้นๆ ว่า ไม่มีอะไร...
คนที่ไม่มีสีตรงกลางอย่างเรา จะอธิบายความหมายของคำว่า ไม่มีอะไร ให้ใครฟัง คงไม่มีคนเข้าใจ ว่าการไม่มีสีเทาของเรามันเป็นแบบไหน แค่เราคิดว่าขาวมันก็คือขาวโล่ง เมื่อดำก็ขอความกรุณาอย่าหาอะไรมาเจือ เพื่อให้มันจางลง..

แต่ทุกอย่างรอบๆ ขาวและดำของเรานั้น ไม่มีอะไรแฝงแม้เพียงซักนิด

ทุกครั้งที่ใช้มือหมุนเลนส์ หลายอย่างรอบตัวเราหยุดเคลื่อนไหว สมองไม่ได้คิดอะไรนอกจากวางขอบตากับช่องมองของกล้องเท่านั้น หลังจากเสียงลั่นชัตเตอร์ลั่นไปแล้ว ทุกอย่างก็จบ ผิดกับออโต้ฟกัสที่หลายคนใช้ คือยกเมื่อไหร่ก็ไม่ต้องคำนึง แค่ฟังเพียงเสียงเท่านั้น กดเมื่อไหร่ก็ชัด (เว้นแต่ว่าโฟกัสผิดจุด)

จะเลือกให้เลนส์มันกำหนดความชัดเจนให้กับเรา เหมือนกับคนทั่วไป
หรือเลือกที่จะหยุดหายใจ แล้วหมุนเลนส์ กำหนดทุกอย่างด้วยตัวเราเอง
คงต้องคิดกันอีก ว่า สีเทา สีอะไรถึงจะพอดี
หรือจะกลับเป็นขาว-ดำ ของเราอย่างเดิม

ธค. 53

7.12.53

มีไว้อุ่นใจๆๆๆๆๆๆ







long week end ที่ผ่านมา ลงทุนซื้อ GPS ครับ เนื่องจากว่าที่เที่ยวในสมองเริ่มซ้ำกันแล้ว (555) เอา GPS มาเป็นข้ออ้างในการนำทางซักหน่อย หลังจากจะซื้อ ไม่ซื้อ อยู่นานสองนาน ศุกร์ที่ผ่านมา (กู) ก็ซื้อจนได้ ราคาไม่แพงมาก 5900 บาทสำหรับรุ่น GARMIN Nuvi 1250 ที่ผมเลือกมาใช้งาน

หน้าจอขนาดเล็กกะทัดรัด แต่วางเกะกะหน้ารถชิบหายครับ (เอ้าจริงๆ) คือแรกๆ คงยังไม่ชินนั่นแหละ ก็เลยดูแล้วขัดตายังไงก็ไม่รู้
เดิมทีเดียวที่ไม่มี GPS ผมไปแบบสุ่มๆ ครับ คือด้วยความจำอันแสนสั้น และการคาดเดาที่ห่วยบรม ผมก็เลยเป็นมนุษย์ที่ไม่กล้าไปในที่ๆ รู้สึกแบบว่า...เห้ย ที่นี่แม่งที่ไหนวะ

55 คือพอรู้สึกแบบงั้นปั๊บ กูกลับดีกว่า

ได้ GPS มาก็เหมือนลิงได้ขวดโค๊กครับ นี่มันอะไรกันนักวะเนี่ย ปุ่มห้าอะไรเยอะแยะตาแป๊ะไก๋ไปหมด ใช้เวลาบ้าเห่ออยู่ได้พักเดียวก็เริ่มที่จะรู้จักกับมันครับ เริ่มพูดเพราะๆ เคาะวรรคเว้นบรรทัดให้ GPS มันได้นำทางบ้าง อะไรบ้าง แล้วก็เริ่มปฐมฤกษ์เบิกเนตร (555) เริ่มใช้งานนั่นแหล๊ะ

เอาครับ กูมี GPS แล้ว สามารถกลับบ้านกี่โมงก็ได้ โดยไม่ต้องห่วงค่ำมืดจะมองไม่เห็นถนนเหมือนเคย เพราะ GPS มันจะพาเราไปเอง ชะเอิงเงย เปิดทริปก็ล่อไปซะงอมพระราม ไล่จากเล่ง เน่ย ยี่ 2 แถวบางบัวทองครับ โถ่ถังกะลังมังรั่ว วัดแม่งอยู่แค่เอื้อม (555) คือตรงผ่านข้้าง ม.เกษตร บางเขน แล้วก็วิ่งตรงอย่างเดียวครับ ดูป้ายข้างทางเอา (ฮี่โถ่)

ที่ๆ สองหลังจากเล่งเน่ยยี่ก็เป็นตลาดน้ำคลองลัดมะยมครับ เอออันนี้ยกความดีให้ GPS เพราะชาติหน้าก็ไม่รู้ว่าผมจะรู้จักไปที่ๆ แห่งนี้หรือเปล่า .. เอกชัย - บางบอน กูจะไปยังไงครับในเมื่อชื่อก็ยังเพิ่งรู้จักได้ไม่นาน มาถึงแล้วก็กินๆๆๆๆๆๆ โซ้ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
จนจบทริปวันแรก

วันที่สองนี่เริ่มผยอง สั่งงาน GPS อย่างเต็มที่ เห้ยไหนพากูไปตลาดน้ำตลิ่งชันเด๊แสดดดด..ๆๆๆๆ

ปายๆๆๆๆ กินๆๆๆๆๆ กลับๆๆๆๆ
ไปต่อๆๆๆๆๆ ตลาดน้ำอัมพวาๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
โอยใกล้ๆๆๆๆ ไปง่ายๆๆๆๆๆๆ

ปายๆๆๆๆ กินๆๆๆๆ ดึกแล้ววๆๆๆ
ช่างมันๆๆๆๆๆ กูมี GPSๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
อุ่นใจๆๆๆๆๆ ขับกลับบ้านสองทุ่ม ชิวๆๆๆๆ

ไขว่ห้างด้วยนะเอ้า
ไม่เชื่อซื้อ GPS มาใช้กันดูดิๆๆๆๆๆ

ธค. 53

2.12.53

ถ้าชอบก็ขอบคุณ









ย่างเข้าเดือนใหม่แล้ว อีก 20 กว่าวันก็จะปีใหม่แล้ว (โว้ย) อากาศยังคงหนาวๆ ร้อนๆ เหมือนเดิม ทำตัวรับลมหนาวกันแทบไม่ทัน เดือนนี้ซื้อเลนส์มา 2 ตัวแล้วจ้ะ คือ Tokina 12-24 mm f4 สอยมาจากนักกีฬาเบสบอลทีมชาติ (เชียวนะมึง) ภูมิใจยิ่งนัก อิอิ

เมื่อวานก็ไปเสียบ Carl Zeiss มาซะ 1 ไม้ครับ ระยะ 50 mm f2.8 แบบมี Adapter และ ship ในตัว (เลนส์ Manual น่ะครับ มี ship ก็ง่ายต่อการฟังเสียงโฟกัสหน่อย) เลนส์สองดุ้นราคารวมกันไม่ถึง 15000 บาท ดีนะที่ไม่เลือกเลนส์ AF ยี่ห้อดังๆ เพราะตัวนึงก็คงปาเข้าไป 20000 กว่าแน่ๆ (เล็ง 10-22 canon ไว้) ถ้าซื้อล่ะป่านนี้แทะตอม่อบางนาเล่นแทนข้าวกลางวันไปแล้ว - -'

สามรูปด้านบนเป็นผลงานของ Carl Zeiss 50 mm f2.8 ครับ เลนส์เก่าแต่โฟกัสยังคงคมกริบ สีที่ออกมาถูกใจเฮียเมพเป็นอย่างยิ่ง ถึงจะไม่ถูกใจโปร แต่ถูกใจโก้ก็พอแล้ว ส่วนรูปล่างสุดเป็นฝีมือของ Tokina 12-24 mm f4 ครับ ตัวเลนส์ถึงจะหนักไปหน่อย แต่ก็พออนุญาตลืมความผิดได้ ด้วยสีสันและมุมของรูปที่เห็น ไม่กว้างเกินไป กว้างแค่พอใจก็โอเค (อร๊ายยย)

เป็นครั้งแรกที่คิดจะเล่นเลนส์มือ 2 ต่างค่ายที่ไม่รู้จักเหมือน Tamron, Sigma และก็เป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่เล่นเลนส์มือหมุนครับ ผลที่ได้ก็ออกมาเกินความคาดหมาย เดี๋ยวหาซื้อ 135 mm มือหมุนอีกยี่ห้อมาหมุนเล่นดีกว่า เฮียเมพชอบกิงๆ กฎไม่ต้อง รูปส่วนใหญ่ของผมนั้นมั่วล้วนๆ อย่าถามว่าวัดแสงตรงไหน และทำไมถึงเลือก f เท่านี้ หรือ speed แค่นั้น ผมทำแค่มอง เห็นแสงที่ลอดผ่านใบไม้ มือหมุนเลนส์ สมองคิดตาม..เท่านั้น

ได้รูปที่ชอบผมก็ดีใจ แล้วก็จบ
คนมองรูปผมแล้วชอบก็ขอบคุณ
จริงๆ นะ

ธันวา 53
หนาวนี้ไม่มี HD
หนาวหน้ามาเต็ม

26.11.53

เอาเท่าที่มี แค่นี้ก็สุข



เช้าวันศุกร์แห่งชาติมาถึงอีกแล้ว ขับรถออกจากบ้านสวนทางกับลมหนาวที่แว่วผ่านมาอีกครั้ง วันนี้อากาศช่วงเช้าหนาวกว่าทุกวันในรอบ 3 อาทิตย์ที่ผ่านมา ลมหนาวปีนี้ทำหน้าที่ไม่ค่อยเข้มงวดนัก มาบ้างไม่มาบ้าง ปล่อยให้ชมรมคนรักความหนาวได้หง่าวกันไปแค่อาทิตย์เศษๆ แล้วก็เงียบหายไป จนในที่สุดเราก็ได้เจอกันอีกครั้ง แม้ช่วงสั้นๆ (แหม ลิเกจริงกู)

พรุ่งนี้ไปเมืองกาญ หวังว่าคงจะหนาวนะครับพี่ อุตส่าห์ท่อไปทั้งทีก็หนาวให้สะใจหน่อยเป็นไร..

ได้เลนส์ใหม่มาตัวนึง ในราคามือสองครับ เมื่อวานนี้คนขายใจดีขับรถมาส่งถึงที่บางนา ยกให้เป็นคนขายของมือสองแห่งปีเลยก็ว่าได้ ที่ลงทุนขับรถเอาของมาถวายเจ้าถึงที่ ขอบคุณครับพี่ ชอบใจจริงๆ กับเลนส์ Tokina 12-24 mm ที่ไม่คาดคิดว่าในที่สุดกูก็ซื้อเลนส์ช่วงนี้มาจนได้ หลังจากที่ดู 10-20, 10-22, 11-16 จากหลายค่ายมาตั้งหลายวัน (เอ้า ห่ากิน 55)

คือมักจะเป็นแบบนี้เสมอครับ เมื่อใดที่จดจ้องและมองในสิ่งที่ิคิดไว้ แต่สุดท้ายมักจะไม่เอาหรอก 555 มาได้ไอ้ที่ไม่เคยจะมองและไม่สนใจใยดี แต่ได้มาแล้วแฮปปี้ครับ ในเรื่องของเลนส์มุมกว้างที่เราต้องการ ไม่ต้องกว้างจนเท่าลานจอดเครื่องบินก็พอใจแล้วครับ ราคาก็พอที่จะเจียดเงินไปซื้อเอามาได้

ดีกว่าไปเล่นเลนส์ราคาแพงๆ
แต่ต้องมานั่งเศร้ากินข้าวกับปลาทูเหมือนแต่ก่อน

ได้แค่นี้ก็สุขใจ
เอาเท่าที่มี ใช้เท่าที่มี เท่านี้ก็สุข
เดี๋ยวนี้เริ่มเข้าใจความหมายของคำว่า เงิน มากยิ่งขึ้น
ว่ามันคืออะไร และควรปฏิบัติตัวอย่างไรเมื่อมีเงิน

หลังจากสุรุ่ยสุร่ายกับคำนี้มานาน ในแบบที่ไม่เคยจะยั้งคิด
ก็ดีเหมือนกันที่เริ่มคิดนานๆ แบบระมัดระวังชีวิตไม่พัง สมองไม่รั่วดีครับ
ไม่ต้องเชื่อผมมากหรอก แค่ลองทำดูก็แล้วกัน

พย. 53
พรุ่งนี้ไปกาญ ได้ถ่ายรูปแล้วโว้ยยยย กูมีเลนส์แล้วสาดดด

25.11.53

เปลี่ยนผ่าน



วันเสาร์ที่ผ่านมามีกีฬามหาวิทยาลัย..ซึ่งผมลงเตะบอลครับ...เรียกว่าเตะบอลเลยก็คงไม่ถูกนัก เพราะแค่ลงไปวิ่งด๊อกๆๆๆ และก็จิ้มบอลส่งให้รุ่นน้องสองสามจึ้กเพียงแค่นั้น ปีนี้ 2553...ผมอยู่ที่เอแบคมา 12 เกือบ 13 ปีแล้วครับ ลงเตะบอลให้ที่นี่นับครั้งนี้ก็หนที่ 4 แล้วล่ะมั้ง

สามครั้งที่ผ่านมา (หลายปีมาแล้วนู่น) ในแต่ละการแข่งขัน ผมลงเตะทุกนัดครับ ไม่มีว่างเว้น ครบเวลาแบบ full Time หรือต่อเวลา 120 นาทีก็ต้องมีเราอยู่ในสนาม ไม่ว่าจะเริ่มสตาร์ทกี่โมงก็แล้วแต่ ก็อยู่ตั้งกะเริ่มเขี่ยบอล จนถึงเก็บเต๊นท์รอบสนามเลยทีเดียว แพ้มั่ง ชนะมั่ง ก็อยู่ในเหตุการณ์ตลอด

แต่มาปีนี้ ลงเตะไปแค่ 2 เกมส์ โดนบอลไปไม่ถึง 10 ที แล้วก็กลับ...

เพราะรู้ตัวเองเลยว่า นี่คงไม่ใช่เวลาที่เราจะลงไปวิ่งเย้วๆๆ เหมือนแต่ก่อนอย่างไม่มีหมดแรงเหนื่อย แต่กลับเป็นตรงข้ามกันที่ใจไปแต่ขามันเสือกไม่ก้าว ขาก้าวแต่ลมก็พาลจะแดกเอาครับ ทุกสิ่งในสมองเกี่ยวกับฟุตบอลยังอยู่ครบเหมือนเดิมเป๊ะ แต่ไอ้ที่เปลี่ยนไปก็คือ แรงที่จะยกขาแล้วส่งบอลต่อไปให้คนอื่น กับแรงที่จะวิ่งกลางแดดตอนบ่ายสองให้ครบ 30 นาที (บอลโต๊ะเล็กน่ะครับ)

พูดแล้วก็เศร้า นี่กูกำลังเดินเข้าสู่วัยกลางคนใช่ไหมวะ ถึงได้เป็นแบบนี้ ได้แต่ยืนตะโกนโหวกเหวกมองดูน้องๆ ที่มันกำลังบรรเลงเพลงแข้งอยู่ในสนามกันอย่างเมามัน หรือว่ามันถึงวันที่หลายคนเคยเปรียบไว้ว่า เป็นช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านจากรุ่นหนึ่ง ไปสู่อีกหนึ่งรุ่น คลื่นลูกเก่าเน่าไป ลูกใหม่โถมข้ามา เป็นวัฏจักรที่ทุกคนเดินเหมือนกันไม่มีวันหลีกและเลี่ยงได้ ฉันใดก็ฉันนั้น..แล

เสือกปลงชีวิตเหมือนลุงแก่ๆ ซะงั้น
ตายล่ะกู - -'
ใจยังอยู่นะ แค่ขาไม่ก้าวเองแสดด
เค้าผิดด้วยเหรอ

พย. 53

ลอยกระทง 53



ผ่านมาตั้ง 4 วันแล้วเพิ่งจะมาอัพบล๊อค - -''

ที่จริงก็คงคิดไปเองว่าคงมีคนตามอ่านบล๊อคเรือนแสนแน่ๆ (เฉพาะ 5 คนที่หลงมาใน List นี่ก็จ้างทั้งนั้น) แต่เอาจริงที่ไหนได้ จะมีคนอ่านถึง 2 คนหรือเปล่าก็ไม่รู้ (555) แต่ช่างเถอะ เขียนเอง อ่านเอง ดองเอง สบายใจใครจะสู้

สุขสันต์วันลอยกระทงครับ!!

เล่นแม่งดื้อๆ งี้แหละ
บล๊อคส่วนตัว ใครจะทำลำโพง...(ทำไม!!)

พย.53

16.11.53

เริ่มต้นจากความคิด ชีวิตที่เหลือก็รอ




อยู่บ้านลาดกระบังมาได้นับเดือนแล้ว การดำเนินชีวิตเริ่มเป็นปรกติเหมือนตอนอยู่หอที่พัฒนาการ รู้จักกับเส้นทางมากขึ้น ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่จะไปไหนทีนึงก็ต้องนั่งนึกว่า ถนนเส้นนี้มันไปโผล่ตรงไหนวะ แต่ ณ ตอนนี้ไปได้ไม่ยาก

อีกเดือนนึงก็จะพ้นปี 2553 มีเรื่องที่ต้องคิดให้รอบคอบอยู่สองสามเรื่อง สำคัญเลยก็เรื่องการวางทางเดินด้วยตัวเอง หลังจากนอนกระดิกตีนอยู่เสียนานจนพาลเป็นคนเอาเปรียบคนอื่นมาเสียเยอะ ถึงคราวนี้คงต้องร่างแผนการเดินทางกันใหม่อีกรอบ หลักๆ แล้วก็คือเรื่อง บ้าน เป็นเรื่องสำคัญ รองลงมาคงเป็นเรื่องส่วนตัว ซึ่งก็สำคัญไม่แพ้กัน ลืมไปเลยว่าเรายังมีหนี้อีก แต่ช่างมันเถอะ อยู่กับมันจนมานาน สนิทกันเหมือนเเพื่อนบ้านไปเสียแล้ว ยังไงซะก็ต้องนึกถึง กูไม่ลืมมึงหรอก (ก็แน่ล่ะ)

ปีหน้าคงมีงานใหญ่ๆ ให้ได้ตัดสินใจกันอีกครั้ง
เรื่องร้อยกว่ารายการวนมาในหัว วิ่งแล้วก็หมุนๆๆๆ
คิดแล้วก็น้ำลายหยดแหมะๆๆๆ

แต่มาอีรอบนี้แปลก คือ เริ่มหัดใช้สมองคิดเรื่องสำคัญ (เป็นเหมือนกัน) แทนที่จะคิดแต่เรื่องเรื้อนๆ เหมือนเมื่อก่อน กะไว้ว่าคงไม่ต้องดีมากถึงขนาดที่คนรอบข้างต้องมาอิจฉาหรอก กะว่าแค่ทำให้เนินลูกระนาดมันน้อยมากที่สุด ไม่สะดุดเหมือนที่ผ่านมาก็ท่าจะดี แปลนเรื่องบ้านใหม่ยังคงวิ่งวนอยู่ในหัวสมอง หลังจากมีลู่ทางที่จะขยับขยายได้ในอนาคต แล้วเรื่องอื่นๆ คงเดินตามมา

ในข้อแม้ที่ว่า รอ ... รอ รอ แล้วก็ รอ

ดูนานไปซักนิดสำหรับคนใจร้อนอย่างเรา แต่ก็เอาน่ะ เดี๋ยวมันก็มาถึงเอง
เริ่มคิดไว้ก่อน ที่เหลือก็...รอ
ก็น่าจะพอ (ใจได้ในระดับนึง)

พย.53
เงินมี HD ก็มา

12.11.53

Life goes on



หน้าหนาวเพิ่งจะเริ่มเข้ามาทักทายเมื่อเดือนตุลาคมเป็นต้นมา
แต่เรากลับได้บอกลาบุคลลอันเป็นที่รักและเคารพในครอบครัวไปแล้วถึง 2 ท่าน
22 ตค. 53 ตาของผมจากไปในวัย 80 ปี ด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน
ผมยืนมองร่างไร้ลมหายใจของชายแก่คนหนึ่ง ซึ่งต่อจากนี้คงไม่มีอีกแล้ว

ร่างที่ผอมเกร็งนอนอยู่บนเตียงยาวอย่างสงบนิ่ง
ข้างกายมีชุดนายทหารเรือ ยศนาวาอากาศเอกวางขนาบอยู่
วางยศ ปลดกระบี่ อย่างไม่มีวันกลับ...

ล่าสุด บ่ายวันที่ 10 พย. 53 ลุงผมก็ตามไปติดๆ มะเร็งตับที่ได้รับข้อมูลจากคุณหมอ
ว่าภายในไม่เกินปีนี้แหละ คงต้องเตรียมทำใจอะไรกันไว้บ้าง แล้วก็เป็นจริง...
สิ่งที่เหลือทิ้งไว้เป็นแค่เพียงร่างอันผอมบาง ผมสีดอกเลา
อดีตที่ยังคงหมุนวนอยู่ในหัวสมอง เมื่อผมจุดธูปและมองผ่านร่างของลุงไปอย่างช้าๆ

มือที่เคยจับเคียวเกี่ยวข้าว มาวันนี้ แม้น้ำเพียงหนึ่งหยดที่รดมือก็กำเอาไว้ไม่ได้...

ยืนอยู่ในมุมหนึ่งที่เห็นทุกคนเดินผ่านไปข้างหน้า ในขณะที่กำลังเอาลุงบรรจุลงโลง
บรรยากาศเต็มไปด้วยความอาลัยรัก รอยยิ้มที่เคยมีเมื่อวันวาน มาวันนี้กลายเป็นคราบน้ำตา
จากการที่ได้เห็นคนที่รักจากลาไป

เราปลีกตัวกลับพร้อมกับขับรถมุ่งหน้ากลับเข้ากรุงเทพ
พ่อกับแม่ต้องไปบ้านเลี้ยงหลาน
น้องชายอีกคนยืนคุยกันได้สามคำก็ต้องปลีกตัวกลับระยอง
เพราะลูกยังเล็ก ฯ

ส่วนคนอื่นๆ นั้นวุ่นวายอยู่กับพิธีศพต่อไป
คงไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะมานั่งคิดอะไรแบบเราๆ

ถนนเส้นลาดกระบัง-อ่อนนุช วานนี้ไกลชิบหาย...
ไกลซะจนได้คิดว่า อ่อ นี่หรือ คือ ชีวิต
ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา..

คงจวนได้เวลาแล้วกระมัง ที่ชีวิตเราก็คงต้องเดินตามอย่างชีวิตคนอื่น
เหมือนเป็นวัฎจักรอย่างที่มันเกิดขึ้นกับทุกคนอย่างเป็นระบบ
เกิดและเติบโต มีครอบครัว แก่...เจ็บ และตายไปในที่สุด

หดหู่เสมอเมื่อได้เจอเรื่องราวอะไรแบบนี้ ทั้งๆ ที่รู้ว่านี่ก็คือสัจธรรม ที่เราทุกคนพึงต้องเจอ
แต่เมื่อยังไม่ถึงเวลานั้นจริงๆ ... ชีวิตมันก็ต้องเดินต่อไป ตามทางของแต่ละคน

พย.53
ด้วยความเคารพ

1.11.53

หนาวโค่ยย



สวัสดีเดือนพฤศจิกา ลมหนาววิ่งผ่านบ้านมา 1 อาทิตย์เต็มแล้ว รวมถึงเมื่อเช้า อากาศดีอย่างที่ไม่น่าจะมาทำงาน ก็เลยสายแม่ง ซะ 1 ดอกเอาฤกษ์เอาชัย (ฮ่วย!) อากาศเย็นๆ แบบนี้น่าขี่รถขึ้นเขาใหญ่ชิบ เดือนพฤศจิกายนแล้วสินะ อีก 10 เดือนก็จะถึงวันสำคัฐที่รอเป็นหนี้รอบใหญ่อีกครั้ง (555) ครั้งนี้ท่าจะเป็นหนี้ยาวนานกว่าครั้งไหนๆ

แต่เอาวะ นานก็ยอม
ดีกว่าลุ้นหวยแล้วโดนแดก เสียจริต
ได้มาซื้อรถแม่งก่อนอันดับแรก ขี่ขึ้นเชียงใหม่ให้หายเสี้ยนซักอาทิตย์
ท่าจะดี

พย.53
ไม่มีวันไหนไรซึ่ง HD

ปล. สุขสันต์วันหวยแดกครับ

18.10.53

สะท้อนความเป็นเรา



ฝนยังกระหน่ำอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 10 ของเดือนตุลา ทุกเส้นทางบนถนน เต็มไปด้วยน้ำที่เจิ่งนองจากฝนที่เพิ่งผ่านพ้นไป หลังฝนตก เขาว่าทุกอย่างนั้นจะสะอาดเหมือนทุกชีวิตที่เริ่มใหม่ แต่ในความรู้สึกเรา มันก็เป็นเพียงแค่น้ำที่ล้างคราบความคิดต่างๆ ออกไปเพียงช่วงหนึ่งของเวลา ที่พอแห้งแล้วมันก็ยังคงกลับมาเป็นเช่นเดิม

10 เดือนนับต่อจากนี้ ได้แต่อดทนรอ สิ่งหนึ่งที่หวังว่ามันจะเข้ามาล้างคราบความคิดต่างๆ ของเรา ที่คิดวนและซ้ำอยู่ให้หมดไป แต่หนึ่งเวลาของเรานี่มันนานชิบหาย.. ขนาดเริ่มต้นมาแล้วเกือบเดือน มันยังคงเหมือนเวลานั้นเดินอยู่กับที่ เคลื่อนไหวได้แต่ไปไหนไม่ไกล วนไปและวนมาอยู่อย่างต่อเนื่อง

นานเท่าไหร่วะถึงจะได้สัมผัสความโล่งอีกครั้งเหมือนอย่างเคย

ฝนตกมันสดใสก็จริงอยู่ แต่ความคิดที่ถูกล้างคราบเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ
หลังจากฝนผ่านไป มันก็ยังสะท้อนความเป้นเราอยู่อย่างไม่จืดจาง

ตุลา 53
ไม่มีวันไหนไร้ซึ่ง HD

6.10.53

สับสน



เดือนใหม่ที่เริ่มต้นได้ไม่ดีนัก ทั้งเรื่องส่วนตัวและคนใกล้ชิด มีหลายอย่างทำให้ต้องคิดหนัก พยายามตั้งใจและรวบรวมทุกสิ่งที่คิดไปเองว่า ดี ส่งมอบให้กับคนหลายคน จากพฤติกรรมที่เป็นตัวเองอย่างแท้จริง

แต่นั่นมันยังไม่ดีพอ เนื่องจากเราลืมคำว่า อธิบาย ให้เข้าใจตรงกัน เพราะบางครั้งคนเราเข้าใจไม่ตรงกันและคิดต่างกัน (เช่นบล๊อกที่แล้ว) สิ่งเหล้านั้นมันเลยสร้างความวุ่นวายในหัวสมองเป็นอย่างมาก ต้องคิดและเตรียมที่จะพูดหลายสิ่ง ให้ออกมาเป็นความหมายที่เข้าใจตรงกันทั้งสองฝ่าย

พยายามอยู่
พร้อมที่จะเรียบเรียง
และ อธิบาย ให้เข้าใจตรงกัน

เพียงแต่ว่าบางครั้ง
มันสับสน เท่านั้นเอง

ตุลา 53
ไม่มีวันไหนไร้ซึ่ง HD

5.10.53

bubbly



I've been awake for a while now
you've got me feelin like a child now
cause every time i see your bubbly face
i get the tinglies in a silly place

It starts in my toes
makes me crinkle my nose
where ever it goes i always know
that you make me smile
please stay for a while now
just take your time
where ever you go

The rain is fallin on my window pane
but we are hidin in a safer place
under the covers stayin dry and warm
you give me feelins that i adore

It starts in my toes
makes me crinkle my nose
where ever it goes
i always know
that you make me smile
please stay for a while now
just take your time
where ever you go

What am i gonna say
when you make me feel this way
I just........mmmmmmmmmmm

It starts in my toes
makes me crinkle my nose
where ever it goes
i always know
that you make me smile
please stay for a while now
just take your time
where ever you go

I've been asleep for a while now
You tucked me in just like a child now
Cause every time you hold me in your arms
Im comfortable enough to feel your warmth


It starts in my soul
And I lose all control
When you kiss my nose
The feelin shows
Cause you make me smile
Baby just take your time
Holdin me tight

Where ever, where ever, where ever you go
Where ever, where ever, where ever you go…

หน้าหนาวกำลังมา
ตุลา 53
ไม่มีวันไหนไร้ซึ่ง HD

แตกต่างในความเหมือน



ความคิดของคนเราไม่เท่ากัน หลายคนมีความคิดคล้ายกัน แต่ทุกคนนั้นคิดไม่เหมือนกัน จะยืนอยู่บนพื้นฐานความเป็นตัวเองนั้น มันก็อาจจะทำให้เกิดทางตัน หรือเดินเข้าสู่มุมแคบซึ่งบางทีอาจจะเดินต่อไปไม่ได้ หรือยากจนเกินพยายาม

หนทางนึงซึ่งจะเป็นตัวช่วยที่จะทำให้สิ่งที่เราเรียกว่า คิดต่าง ได้กลับมาเข้าใจซึ่งกันและกันเพิ่มมากขึ้น ในมุมเดียวกันนั่นก็คือ อธิบาย และ ปรับความเข้าใจ

เพื่อที่จะให้ได้รับรู้ความต้องการ และความคิดของคนตรงข้าม
ที่ คิดต่าง กับเรา
ให้เข้าใจกันได้ดี

เพราะบางที มันก็แตกต่างในความเหมือน เช่นกัน

ตค. 53

1.10.53

อีกซักระยะ



24.00 น. บนเก้าอี้สีแดงในบ้าน ทุกอย่างหยุดเคลื่อนไหวหลังจากที่ย่างเข้าวันใหม่ 1 ตค 53 ก่อนนอนผมนั่งมองทุกพื้นที่รอบๆ บ้าน มันมีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แบบที่เราเองก็คาดไม่ถึง จากพื้นดินว่างเปล่าไม่มีสิ่งปลูกสร้าง แต่ ณ วันนี้ทุกอย่างดูเหมือนจะเต็มไปด้วยอนาคต ต้นไม้ ดอกไม้ที่พ่อและน้อง บรรจงปลูก เริ่ม ผลิ ดอก ออกกิ่งก้านใบเพื่อความร่มเย็นสบายตาในอนาคต

ตื่นเช้ามาพบกับลมหนาว และคาดว่าจะเป็นหนาวแรกของปีนี้ ที่มาไวกว่าปีก่อน วันนี้ไม่มี HD ให้ขี่ ด้วยเหตุผลบางประการที่ทำให้ต้องเลือกสิ่งที่เป็นจริงตรงหน้ามากกว่าความฝันเหมือนวันก่อนๆ

คิดไว้ในใจเพียงคนเดียว
ว่าขอตั้งหลักอีกซักระยะ..
แล้วจะกลับไปหากลิ่นไอที่คุ้นเคย

สมองไม่ต้องคิดอะไร เมื่ออยู่หลังอานมอเตอร์ไซค์
ภาพทั้งหมดคงยังไม่จางหาย แต่ทว่ายังคงชัดเจน
ในทุกวินาทีที่หยิบมันขึ้นมาดู

อีกซักระยะ คงได้พบกัน
สัญญา

1 ตค 53
สวัสดีลมหนาว~

27.9.53

จินตนาการได้ดี



หลังจากที่หมดธุระเรื่องหอที่พัฒนาการ ก็ย้ายเข้ามาอยู่บ้านที่ลาดกระบังอย่างเต็มตัว ซื้อนู่นซื้อนี่เข้าบ้านด้วยการใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง ในเรื่องของการคิดก่อนซื้อ ซึ่งเมื่อก่อนไอ้เรื่องแบบนี้ไม่เคยอยู่ในหัว คิดจะซื้อกูซื้อเลย ได้ไม่ได้ค่อยว่ากัน แต่พอมาคราวนี้ จะซื้ออะไรทีต้องนั่งคิดนานๆ ห้องชั้นบนเป็นห้องเล็กขนาด 3x3 เมตร โล่งและเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส คิดอยู่ในหัวว่าจะเอาตู้ซัก 2 ใบมาใส่เสื้อผ้า ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็จ่ายเงินอย่างเดียว แล้วก็มานั่งลุ้นว่า มันจะใส่ไปในห้องได้มั้ยวะ (55)

แต่ตู้ใบใหม่ กว่าจะซื้อได้ วนหาแปดทิศจาก Home Pro และร้านโชว์ห่วยแถวบ้าน ขับรถพร้อมหนีบเศษกระดาษที่จด scale ของห้องติดมือไปด้วย ถึงจะเว่อร์ไปนิด แต่ตัวเลขลายมือไก่เขี่ยบนกระดาษก็ช่วยให้ตัดสินใจก่อนที่จะซื้อได้เยอะ เดินวนมาสามห้างก่อนที่จะมาจบตรง Fashion Island อนิจจา มันกลายเป็นห้างประจำของกูตั้งแต่เมื่อไหร่ (วะ)

วันที่ของมาส่ง ประกอบในห้องแล้วยกวาง ลงล๊อคเป๊ะๆ แบบพอดีกับที่จด scale ไว้คร่าวๆ พระเจ้าจ๊อดมันยอดมาก ทำไมเมื่อก่อนไม่ทำอะไรแบบนี้วะ (ไอ้ห่า) เหลือก็เพียงแต่มุมห้องเล็กๆ ที่ยังมีพื้นที่พอให้ได้วางโต๊ะเล็กๆ สูงๆ ซัก 80 ซม. x 30 ซม. ได้ เอ้า เห้ย เจ๋งว่ะ ตัวเลขไก่เขี่ยบนเศษกระดาษกูแม่งดีแบบนี้นี่เอง

เดี๋ยวนี้ทำอะไรก็เป็นตัวเลขไปหมด ชีวิตที่ติดกับจินตนาการหายไปเกือบครึ่ง (โถ พ่อติสแมน)
เมื่อก่อนจะนั่งนึกและวาดรูปในมโนภาพ เดี๋ยวนี้จับมโนภาพลงมาบนกระดาษ ถึงจะชุ่ยแต่มันก็ช่วยอะไรได้เยอะ (นะโว้ย)
โดยที่ไม่ต้องมาทำซ้ำอีกเป็นรอบที่ 2 เหมือนเคย

มันดีจริงหรือ? กับการหั่นจินตนาการในความคิด เอามันลงมาบนกระดาษแทนอย่างที่ไม่เคยทำ
คำตอบที่ลอยมาในความคิดก็มีแค่ จินตนาการเหมือนเดิมได้นั่นแหละ
แต่มึงก็ค่อยๆ คิดด้วยสิสัดเอ๊ย - -''

กันยา 53

21.9.53

รักหมาวันละนิด




ของฝากจากคนรักหมาย่านลำลูกกา
หมาใคร ใครก็รัก ไม่อยากให้หมาคอหัก
ทำตามที่เขาบอกเถิด..(โอยย สยองแทนหมา)


กันยา 53

20.9.53

แค่บอกซักนิด คงเข้าใจสิ่งที่คิดมากกว่าเดิม



เมื่อวานตอนสาย นอนหูอื้ออยู่ในบ้านลาดกระบัง เพื่อรอพ่อเอารีโมทกลับมาให้? เหตุเกิดจากแม่ดันหยิบรีโมท UBC ติดมือไปบ้านที่แปดริ้ว ไม่ได้บอกเหมือนกันว่าหยิบไปทำไม รู้แค่ว่าคืนวันเสาร์ไม่ได้เปลี่ยนช่อง UBC เลย นั่งดูแม่งช่องเดียวยันสว่าง (ดีเหมือนกันได้ดูบอลอย่างเต็มคราบ)

เช้าพ่อมาพร้อมกับไอ้อ้วน(ลูกพี่สาว) หอบของพะรุงพะรังซึ่งคาดไว้ไอ้อ้วนมันคงให้ตาซื้อนั่นแหละ ถึงได้ล้นหลามขนาดนี้ นั่งกินข้าวเช้าพร้อมกับคุยเรื่องสำคัญหนึ่งเรื่อง คือเรื่องค่าใช้จ่ายส่วนตัวของเรา กับการ manage ชีวิตตนเองในอนาคต ซึ่งก็ได้ทำความเข้าใจกันแล้ว กับรายละเอียดค่าใช้จ่ายของเรา ที่ยังไม่เคยคุยกันแบบจริงๆ จังๆ ซักที

ได้ความมาสองอย่างว่า ให้ประหยัดและไม่สร้างหนี้...

เลยได้บอกพ่อถึงความเป็นมาของหนี้ ที่เรามี ณ ตอนนี้ ซึ่งที่จริงแล้วไม่มีใครใส่ใจว่าก่อนที่จะมีหนี้ เราไม่ได้ต้องการให้มันเป็นแบบนี้ซักหน่อย อยู่เฉยๆ แบบปลอดหนี้ สบายจะตายห่าครับ หากแต่ว่าเราเคยได้ถามความเห็นก่อนที่จะซื้อบ้านใหม่ ว่าต้องการจะให้ช่วยออกค่าใช้จ่ายเรื่องซื้อบ้านมั่งมั้ย?? ถ้าทุกคนสนใจ เราก็ยินดีที่จะกู้เงินมาช่วยด้วยความเต็มใจ..

แต่คำตอบ ก็เงียบไป..พร้อมกับเวลา

ณ วันนี้ บ้านเสร็จไปแล้วทั้งหลัง โดยที่มีเราเพียงคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องราวว่า พ่อกับน้องไปกู้และทำสัญญากันตอนไหน โดยที่ก่อนหน้านั้นไม่เห็นมีใครบอกความคืยหน้าบ้างเลย..เงินที่เรากู้ธนาคารเพื่อคิดที่จะช่วยแบ่งเบาค่าดาวน์บ้าน ก็กลายเป็นรถยนต์หนึ่งคันที่เราเป็นเจ้าของกับหญิงไปแล้ว

ถ้าบอกกันซักนิดนึงก็คงชะลอการซื้อรถเอาไว้ แล้วเอาเงินก้อนนั้นมาช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายก่อนซื้อบ้านนี้แทน มันก็น่าจะดี

จะได้อยู่บ้านนี้แบบสบายใจและนอนได้เต็มตาทุกวัน
ไม่ต้องอยู่เพียงเพราะว่า รอวันที่จะออกจากบ้านไปในอนาคต
หรืออยู่กับบ้านนี้โดยมีหน้าที่เพียงแค่ ช่วยแบ่งเบาภาระเล็กๆ น้อยๆ เพียงแค่นั้น

เหมือนมองข้ามคนหนึ่งคนไป โดยไม่คิดถึงความสำคัญ

ไม่มีใครผิด ไม่มีใครถูก..แต่
แค่บอกกันซักนิด คงเข้าใจสิ่งที่ทุกคนคิด
มากกว่าเดิม

กันยายน 2553

หืออื้อออ



หายหัวจากหน้าจอไป 1 อาทิตย์เต็มๆ เนื่องจากเกิดอาการหวัดแดกเฉียบพลันครับ ถ้าเป็นเฉพาะหวัดอย่างเดียวคงไม่ต้องถึงกับลาพักร้อนแบบนี้ แต่นี่ดัน หูอื้อ พ่วงท้ายมาด้วย จากแค่เรื่องมึนหัวก็เลยกลายเป็นมึนหูไปอีก นอนซมอยู่บ้านลาดกระบังตั้งแต่วันศุกร์ที่แล้ว 1 อาทิตย์เต็มอิ่ม หลังจากที่เลิกทำร้านเหล้าปั่นก็ตื่นขึ้นมาในเช้าวันเสาร์พร้อมกับอาการที่พูดแล้วได้ยินแต่เสียงตัวเอง

ชิบหายแล้วกู แล้วทีนี้จะคุยกับใครได้ล่ะวะ...

ทนคุยกับตัวองอยู่สองวันก็เลยจำใจขับรถไปหาหมอที่แปดริ้ว (ไม่สนิทกับหมอลาดกระบัง ขอไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า) ก็ได้ยาระงับการหืออู้มาล็กน้อยครับ 3 สีสามสไตล์ใช้ทานหลังอาหารทุกวัน ไข้หวัดกับอาการหูอื้อนั้นเกิดจากท่อยูเตเชียนที่อยู่ระหว่างหูชั้นกลางกับบริเวณลำคอด้านหลังโพรงจมูกซึ่ง มีหน้าที่ช่วยปรับความดันภายในหูชั้นกลางกับบรรยากาศภายนอก อาจเกิดทำงานผิดปกติ http://www.doctor.or.th/node/7367 ครับ

(อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่) http://docs.google.com/viewer?a=v&q=cache:uqSUry7TCCYJ:www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/admin/article_files/797_1.pdf+%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99&hl=th&gl=th&pid=bl&srcid=ADGEESgjQgewcQBgGZiNdKKA3klFMUdkoXC_jPeALEXGnVOmce6ApwASVaRwCipQRBPivZgvoC73aHf-G8knwpZFzDuQyHFnU7NyHfo8nBU_W_f9oeQ-7rTjKy8KIiWXbjo1wK6fITH2&sig=AHIEtbSvTZo36QJSXqE34_1zKT8nDWNqDQ

บางคนเป็นหวัดก็อาจจะหูไม่อื้อได้นะครับ (อ่านออกเสียงยากชิบหาย) อย่ากังวลไป ว่าจะเป็นโรคนี้ทุกคน ช่วงนี้ฝนตกหืออื้อเลย ระวังเป็นหวัดกันบ้างก็ดีนะครับ หือจะได้ไม่อู้ เป็นแล้วพูดได้ยินแต่เสียงตัวเอง เซ็งอย่าบอกใคร

กันยายน 2553

6.9.53

สวัสดีเพื่อนรัก




เช้าวันอาทิตย์ ขนของจากที่หอมาบ้านที่ลาดกระบัง หลังจากทะยอยปล่อยของใช้ไปทีละนิดๆ เพราะขี้เกียจแบก ก็มาถึงบ้านหลังใหม่ในลาดกระบัง 54 เข้าบ้านมาคนเดียวช่วงสายๆ จอดรถเรียบร้อยก็เก็บของทำนู่นทำนี่ โดยไม่ได้สนใจอะไรรอบบ้าน

งี๊~~
.
งิ๊กก~ ~~~~
.
.
งื็ดดดดด~~~
.
.
.
.
.
งู้ววว~~~



เสียงอันรัญจวนผ่านหูไปได้ซักพัก
ก็เริ่มกวาดสายตามองหาต้นตอ..
อยู่ไหนวะ??

เดินไปหาที่หน้าบ้านก็ไม่มี หลังบ้านก็ไม่เจอ
มองไปที่บ้านอีกฝั่งก็ไม่เห็น
แต่มีอะไรยุกยิกอยู่ที่รั้ว..


อ้าว..555

ไปเล่นกับมันอยู่พักใหญ่ สนุกล่ะกู มีหมาอยู่ข้างบ้าน
สวัสดีเพื่อนรัก
ยินดีที่ได้รู้จัก


กันยายน 2553

ปล.มันชื่อ บีเวอร์ ครับ สมชื่อบีเวอร์จริงๆ เพราะพื้นหญ้าหน้าบ้านของข้างบ้านผม
มีแต่รู รู แล้วก็รู 55
ดีนะแม่งไม่คาบไม้มาทำเขื่อน

30.8.53

อ่านแล้ว...อมยิ้ม







เกิดมาเป็นหมาก็เซ็งจะแย่
พูดก็ไม่ได้ เห่าก็ถูกด่า
แถมยังมาขาหักอีก
ชีวิตครึ่งซีกของ "อมยิ้ม"

แต่นี่คงไม่แย่เท่าโดนเอาลำโพงครอบหัว
แถมตัวเองยังต้องนอนค้างโรงพยาบาล
ใครก็ไม่รู้อยู่ข้างๆ ไม่สนิทด้วย

คิ้วย่นไป 3 พับวันรับกลับ
อยากกลับบ้านใจจะขาด
พลาดที่เกิดเป็นหมา แต่ที่เซ็งกว่าก็คือ
ไม่ได้อยู่บ้านตัวเอง แถมมีลำโพงเซ็งแถมมาอีก


หมอหรือใครจะไปรู้ว่า































กูไม่กัดเฝือกตัวเองหรอก
โว้ยยยยยยย....แต่กูพูดไม่ด้ายยยย

สิงหามคม อมยิ้ม
:)

27.8.53

ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม



ร้านเหล้าปั่น small drink ย่างเข้าเดือนที่ 4 แล้ว ตั้งแต่คิดที่จะทำเมื่อช่วงพฤษภาคมที่ผ่านมา ก็ไม่เคยนึกว่าร้านเล็กๆ แค่นั้นมันจะกลายเป็นความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงที่ละเสียไม่ได้ ต้องไปเปิดร้านทุกเย็นจนถึงเวลาปิดร้านในช่วงข้ามคืนของวันถัดไป เป็นกิจวัตรแบบนี้เรื่อยมา อีกไม่กี่วันก็ย่างเข้าเดือนที่ 5 แล้ว มีอะไรให้ต้องนั่งจับเข่าคุยกันในเรื่องที่เกี่ยวกับร้าน ว่า

จะทำต่อ? หรือ จะพอแค่นี้?

ไม่ใช่ว่ามันไปต่อไม่ได้ แต่เนื่องจากต้องย้ายที่อยู่จากพัฒนาการ 54 ที่เคยอยู่มาหลายปีไปนอนที่ลาดกระบัง 54 ที่พ่ออุตส่าห์ซื้อบ้านให้อยู่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เรื่องของระยะทางจากที่บ้าน ไปยังร้าน ซึ่งปรกติแล้วแม่งก็โคตรจะไกลเป็นทุนเดิม แต่พอย้ายที่อยู่ใหม่ ระยะทางก็ยิ่งเพิ่ม ยิ่งไกลมากกว่าเก่าซะอีก เรื่องความเหนื่อยหน่ายกับการเจออะไรซ้ำๆ บนถนน เช่นรถติด แตรดัง หมาตายฯลฯ คงไม่ได้เป็นผลทำให้เหนื่อยขนาดที่ว่า พอเหอะกู..

แต่มันเป็นความเหมาะสมที่เราจะต้องคิดให้ดีเสียมากกว่า ว่าในการที่จะต้องลงไปจับตั๊กแตนแบบที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตนี้มันคุ้มมั้ย หรือจะเอายังไงกันดี ทำร้านแล้วได้เงินมาจ่ายค่ารถ มันก็คุ้มอยู่ ถ้าไม่มีร้านคงต้องเดือดร้อนควักกระเป๋ากันเอง

สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างตัวเราและคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็แล้วแต่
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความเหมาะสม ก็ได้แต่แอบชื่นชมและยกหางตัวเองบ้างในบางครา
ว่าบางทีกูก็เป็นโล้เป็นพาย ได้เหมือนกัน

สิงหาคม 2553

26.8.53

ที่ไหนก็ไม่เหมือนกุงเต้บ



เมื่อวานเย็นเปิดร้านตามปรกติครับ ซักประมาณ 3 ทุ่มกว่าๆ ฝนก็เริ่มทะยอยโปรยเม็ดลงมา ทีละนิดๆ จากเม็ดเล็กก็เริ่มเพิ่มจำนวนเป็นเม็ดใหญ่ ทิ้งเวลาไม่นานมันก็กลายเป็นห่าฝนครับ 1 ชั่วโมงกว่าผ่านไป สายไหมก็กลายเป็นชะอำ ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำและเจิ่งนองไปทั้งสองฝั่ง

ปิดร้านสิฮะแบบนี้ จะอยู่หาข้าวเกรียบอะไร มุ่งหน้ากลับหอหลังจากส่งหญิงเข้าบ้าน ข้างหน้าเป็นปรอยฝนระลอกใหม่ที่ก่อตัวตั้งเค้ารอกระหน่ำคนที่ยังอยู่บนถนน เช่นผม..แล้วก็ไม่รอดจนได้ วิ่งตุแหง่กๆ จากเลียบด่วนรามอินทราฝ่ามหาชนฝนจ๋ามาจนถึงแยกคลองตัน ไฟสีแดงจากท้ายรถคันหน้าก็เริ่มเพิ่มจำนวนขึ้น

ทีละคัน ทีละคัน

เลี้ยวซ้ายผ่านแยกคลองตันมาแล้วรถก็ติดท่อก็ตัน น้ำก็ดันท่วมเหมือนชั่วโมงเร่งด่วนตอนช่วงเช้าไม่มีผิด (แต่ชิบหายครับ นี่มันเที่ยงคืนนะโว้ย) จำใจต้องตุแหง่กตามก้นกันไปตลอดเส้นพัฒนาการครับ เสียงน้ำกระแทกข้างตัวรถดังเฉาะแฉะๆ ผมกลับรถใต้สะพานข้ามแยกพัฒนาการ แล้วก็เลี้ยวเข้าซอย 54 เพื่อกลับหอ..

...ซวบบบบ!!!
....บุ๋งงๆๆๆๆ!!!


...ปุ๋งงๆๆๆๆๆๆๆ


ชิบหาย...น้ำแม่งท่วมเต็มซอยในระดับที่หมาไทยโตเต็มวัยไม่น่าจะเดินเล่นได้แน่ๆ กลั้นใจมุดน้ำเข้าไปได้แค่ปากซอยได้แค่ระยะ 5 เมตรแล้วก็ต้องวกรถกลับออกมาเพราะไม่อยากจมน้ำตาย แล้วยูเทิร์นกลับมาอีกฝั่งถนนเพื่อไปนอนบ้านหลังใหม่ที่ลาดกระบัง 54 (ก็ได้วะ) พลางนึกในใจว่าที่นั่นเป็นของใหม่ อะไรๆ คงไม่เหมือนของเก่าที่เราเคยเห็นแบบ (พัฒนาการ 54) แห่งนี้ก็เป็นได้..

ว่าแล้วก็มุ่งหน้าไปหาความศิวิไลกันเถิดเอย พร้อมกับห้อตะบึงอาชาคู่ใจไปยังลาดกระบัง 54 ทันที
(ก็ต้องห้อสิ ตีหนึ่งแล้วแสด)










อุเหม่ หมาสี่แม่มึ๊ง (ดังภาพ)
แม่งเหมือนกันทั่วประเทศเลยรึไงวะ
ที่ไหนก็ท่วม แสดดดด

สิงหา พาเพลิน 2553

25.8.53

my iron lung



ขึ้นต้นหัวบล็อคก็ชวนให้นึกถึงเพลงของ radio head เสียเหลือเกิน แต่ที่จริงไม่ได้หมายความแบบนั้นหรอก แค่ใกล้เคียง เพียงแต่มันเป็น ปอด ของผมจริงๆ ที่ไปตรวจสุขภาพประจำหลายปีมาเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว เหตุเพราะว่าจะทำ ชปค. ให้กับตัวเอง ก็เลยต้องขอความร่วมมือจากพ่อ ให้พาไปที่ คุรุสภา ที เพราะว่าตัวเองขับรถไปไม่ถูก..

ที่จริงน่ะขับไปได้ แต่ขากลับไม่แน่ใจว่าจะออกมาถูกทางมั้ย ก็เลยให้พ่อพาไป น่าจะเป็นการดีที่สุด
เพราะว่ากว่าจะงมทางออกเจอ กว่าจะหาตึกเจอ กูแก่ตายพอดี

ถึงคุรุสภาประมาณ 10 โมงครึ่ง ก็ทำการกรอกใบสมัครแล้วก็ขึ้นไปยังตึกเพื่อทำการขอใบรับรองแพทย์ (ราคา 80 บาท) เสร็จแล้วก็เดินขึ้นไปยังชั้นที่สองเพื่อคุยกับคุณหมอผู้หญิงที่นั่งรออยู่แล้ว บทสนทนาผ่านไปพร้อมกับคำแนะนำให้ไปตรวจปอดซะ เราก็รีบกุลีกุจอหยิบบัตรคิวเพื่อรอทำการตรวจ

ครึ่งชั่วโมงผ่านไปหลังจากเข้าไปในห้องเอ๊กซ์เรย์ แผ่นฟิล์มเนกาตีฟปอดของตัวเองก็ออกมาดังภาพ...แท่นแท้นนนนน

...เหี้ยเอ๊ย ปอดกูไม่มี >_< (รำพึงในใจ)
ก่อนที่หมอจะบอกว่า "ไม่เป็นไรหรอก แบบนี้ล่ะปรกติ
ถ้าผิดปรกติแล้วจะโทรไปบอกนะ ขอให้หมอเฉพาะทางเช็คดูให้ชัวร์ก่อน
ขอเบอร์โทรด้วย..."


เป็นการแจกเบอร์สาวที่ไม่เต็มใจเป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการ
แต่ไม่ต้องโทรมาก็ได้นะหมอ
ผมไม่ว่าง

>_<

สิงหาคม 2553

16.8.53

chollada the impress



panorama งามๆ จากมือถือง่อยๆ ของ lake view ที่ chollada suvarnabhumi
รอพ่อซื้อ 10-20 mm. ก่อนนะจ๊ะ สัญญาเลยว่าจะถ่ายแบบงามๆ มาลงอีกรอบ

สิงหาคม 2553

ปล. บ้านมีไม่รู้จักถ่าย - -''

แม่ของฉัน



"...ให้กายเราใกล้กัน ให้ดวงตาใกล้ตา
ให้ดวงใจเราสองเชื่อมโยงผูกพัน

ให้เจ้าเป็นเด็กดี ให้เจ้ามีพลัง
ให้เจ้าเป็นความหวังของแม่ต่อไป..."


สิงหาคม 2553
มีความสุขมากๆ นะแม่
:)