24.5.54

ชะอำ - good day






ชะอำ - หัวหิน
เป็นอีกหนึ่งสุดสัปดาห์ที่ดีสำหรับการพักผ่อน
รวมถึงการได้บอกเรื่องราวความเป็นปรกติสามัญ
ในความเป็น ตัวเรา ให้กับคนข้างๆ ได้รับรู้

ต่อจากนี้คือทำให้เห็น
ว่าสิ่งที่พูดไว้ เป็นจริงเพียงใด
20-22 พค 54
ชะอำ - good day

18.5.54

my dream began



ผมเริ่มต้นเดินตามหาสิ่งที่ฝันไว้ เมื่อเช้าวันที่ 14 พ.ค. 54
โดยการขับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านหลังหนึ่ง แถวพุทธมณฑลสาย 2


สิ่งที่ผมไปตามหา เป็นสิ่งที่ในวัยเด็ก ไม่เคยคิดจะมีไว้ในครอบครอง
หล่นความหลังบางๆ อย่างเจือจางได้เพียง แค่เห็นมันวิ่งผ่าน
ฝนตกลงมาอย่างหนัก ระหว่างเส้นทางของฝัน อันขะมุกขะมัว



มื้อเช้ายังไม่ตกถึงท้อง ใจมันออกนอกบ้านไปก่อน ขาก็เลยต้องก้าวตาม
แวะพักเติมน้ำมันคนที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ใต้ด่วนบรมราชชนนี
อีกไม่ไกลแล้ว


นัดกันสาย 2 แต่เราเข้าสาย 3 ตาม GPS มันว่าไว้
แล้วก็เจอฝันมันจอดอยู่ตรงหน้า ก้นใหญ่ หน้าโหนก กระจกตรง
แว่บแรกที่จอดรถ ผมตะโกนเบาๆ เพียงลำพังในรถว่า...เต่าาาาาา~


สิ่งที่ไม่เคยฝันไว้ในวัยเด็ก มาวันนี้มันยืนอยู่ตรงหน้าแล้ว
1974 Beetle Classic หัวใจเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ


5 ชั่วโมงกว่าที่ผมฝ่า รถติด ฝนตก ท้องกิ่ว ฯลฯ
ได้มาเจอกับฝันที่ไม่เคยได้คิด ว่าซักวัน เราจะมีมันไว้ในครอบครอง
หลังจากนี้ก็แค่รอเวลาได้เป็นเจ้าของ อย่างถูกต้อง

ผมยิ้มให้มัน...
มันก็ยิ้มให้ผม...

พฤษภา 54
เต่าแสนดี 74 จ้ะ

11.5.54

Oat Street Funk Rollers - แชร์หัวใจ...



อะไรที่ค้างคาใจ
ได้บอกไปหมดแล้ว

ที่เหลือ เวลาก็จะ พิสูจน์
ว่าใคร เป็นอย่างไร
นานเท่าไหร่ไม่ใช่ประเด็น

พฤษภา 54

10.5.54

... เท่านี้ก็พอ



กลับบ้านแปดริ้วไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว แว่บแรกที่จอด KSR หน้าบ้านก็ยังคิดอยู่ว่า เราจะอธิบายให้แม่เข้าใจได้ดีขนาดไหน ในเรื่องราวที่มันเพิ่งเกิดขึ้นในชีวิต ยังกังวลอยู่บ้าง ในบางอย่างที่เกี่ยวกับ "ความเข้าใจ" ของแม่ที่จะมีให้เรา (ซักเพียงใด)

คำถามแรกที่แม่ถาม "เป็นอย่างไรบ้าง" เหมือนการโยนผ้าเย็นมาให้เพื่อดับความร้อนที่สุมอยู่ในหัว ให้มันบรรเทาลง...หลังจากบทสนทนาอันยาวนานกับแม่สิ้นสุด เหมือนโลกทั้งใบที่วางไว้บนหัวและไม่เคยมองเห็น มันลงมาวางอยู่ข้างๆ ให้เราได้นั่งมองอย่างพินิจ อย่างค่อยเป็นค่อยไป สิ่งที่แม่เอ่ยปากบอกวันนั้นมีมากมายหลายอย่าง ผมจับใจในประโยคเพียงสั้นๆ คือ...ไม่เป็นไร เริ่มใหม่และตั้งใจให้ดีๆ นะ ... เท่านี้ก็พอสำหรับคนเช่นผม

หลังจากนั้นก็ออกจากบ้านไปหาเพื่อนและนั่งคุยกันเรื่อยเปื่อยตามประสา...
แค่ได้รู้สึกว่า โล่ง ที่ได้คุยทุกอย่างกับแม่ ทุกอย่างจริงๆ อย่างที่เรารู้สึก
ต่อไปมันจะเป็นยังไงนั่นไม่รู้ แต่สบายใจอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
... เท่านี้ก็พอสำหรับคนเช่นผม

สำหรับคนอื่น ได้รับมาเท่าไหร่ผมไม่รู้
แต่สำหรับแม่ผม ได้เท่านี้ก็สบายใจอย่างที่อยากเป็น
แล้วก็เริ่มใหม่ และตั้งใจ เหมือนที่แม่บอก

พฤษภา
54

9.5.54

Unfashionable words



เนิ่นนานจนเราอาจลืมคำหวานๆ แต่รู้ว่ามันอยู่ในหัวใจ
หากมันยังคงอยู่ตรงนั้น คำเชยๆหมดความหมาย
คงไม่มีอะไรต้องบอก

พฤษภา 54

6.5.54

ในความเป็นเรา



การทำความเข้าใจและยอมรับคนอื่น
ยากกว่าการบอกให้คนอื่นมาเข้าใจ ในความเป็นเรา
เรามีเท่าที่เห็น ถ้าตั้งใจที่จะมอง

ไม่ชอบก็ไม่ทำ
ไม่อยากก็ไม่เอา
มีอยู่เท่านี้

กรง...ขังฉันไว้ไม่ได้หรอก
เพราะฉันจะดิ้นจนตาย...
โดยไม่สนใจว่า จะเกิดอะไรตามมา

แต่ถ้าหากเข้าใจในความเป็นเรา
กรง...ก็ไม่มีความหมาย
เพราะฉันไม่ได้ใส่ใจมัน

พฤษภา 54

3.5.54

inspired in my dreams.







กรง...ไม่ได้ขังฉัน
แต่...กักตุนความฝันฉันไว้
ความคิด...ไม่ได้บังคับใจ
แต่บังคับ...ความรู้สึกไว้ไม่ให้เป็น

Credit
http://hd-playground.com/smf/index.php/topic,30711.0.html

ปล. ขอบคุณพี่ Evomania สำหรับแรงบันดาลใจเล็กๆ
ยิ่งดูยิ่งเพลินใจ การทำตามฝันมันคือความสุข
ปลล. ขออุ๊บอิ๊บรูปพี่มาลงใน Blog ละกันนะ อิอิ

2.5.54

สิ่งที่อยู่ตรงหน้า



เข้าเดือนใหม่แล้วครับ วันนี้เป็นวันหยุดชดเชยสำหรับผู้ใช้แรงงานทั้งหลาย ไม่รวมทั้งผมซึ่งถูกกำหนดตามกฎหมายให้เป็น บุคคลากรทางการศึกษา (แล้วมันไม่ได้ใช้แรงงานหรือไงวะ) ซึ่งก็อดหยุดไปตามระเบียบ เดือนเมษาที่ผ่านมา ไข้กินไปซะ 2 อาทิตย์ ถือว่าโคตรจะขาดทุน เพราะโดนโรคซึมแต่ไม่เศร้าเข้าเล่นงาน หวังว่าเดือนใหม่คงไม่มีโรคแบบที่ว่าตามมาหลอกหลอน

แต่ก็ยังคงปวดหลังเนืองๆ เป็นระยะ ไม่รู้ใครขี่คออยู่หรือเปล่า (ก็ว่าไปนั่น)

ยังคงนั่งคิดถึงรถมอเตอร์ไซค์อยู่ทุกวัน ว่าเมื่อไหร่ (วะ) ถึงจะได้ซื้อมันอีกซักที อยากขี่รถจะแย่แล้ว ลำพังการขับรถเก๋งมันก็สบายอยู่หรอกครับ แต่สำหรับชีวิตคนที่ไม่ค่อยเอาอะไรเช่นผม การขี่มอเตอร์ไซค์ชายเดี่ยว นั่นเป็นสิ่งที่พึงปรารถนาที่สุดแล้ว

ยังคงนั่งคิดถึงกล้อง DSLR ตัวใหม่อยู่อีกเช่นกัน ถึงตอนนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่าการขายเลนส์กับกล้องเก่าทิ้งไป แล้วได้ทองมาเส้นนึง มันจะคุ้มกับการที่ต้องเหงามือเพราะไม่ได้ลั่นชัตเตอร์บ้างหรือเปล่า คำตอบคือเหงาแหละ แต่ก็ทำใจได้ ไว้มีเงินอีกรอบค่อยว่ากัน

ณ ปัจจุบันก็เอามันแค่ใกล้ๆ กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเสียก่อน
แค่ระยะสายตามองเห็น รถไม่มีขี่ ก็ขับเก๋งไปพลางๆ (แอร์เย็นมันก็สบายดีนี่)
กล้องไม่มีกด ก็ใช้มือถือไปก่อน (ถึงจะเบลอบ้าง แต่ก็ยังบันทึกสิ่งที่เราคิดไว้ได้)

ถึงภาพมันจะยังไม่คมชัด จมูกยังคงไม่ได้กลิ่นของความโล่ง
แต่ได้นั่งฝันไปวันๆ โดยหวังบ้างบางคราวเมื่อมีโอกาส
มันก็เพลินดีเหมือนกันล่ะวะ

เดี๋ยวถึงเวลา มันก็มาเอง

พฤษภา 54