23.6.57

1 ปีกว่าผ่านไปกับจักรยาน



ผ่านไป 1 ปีกว่ากับจักรยาน ... ไม่นับฟิกเกียร์ละกัน เพราะตอนนั้นปั่นอยู่คนเดียว
เริ่มต้นจากไฮบริดล้อ 700c ค่าย Merida Speeder T2 Disc ที่ขับรถไปซื้อถึงสวนหลวง ร.9 (อารมณ์เดิมคืออยากได้ ไกลแค่ไหนกูก็ไป 555) แล้วก็แบกมันกลับมาบ้านอย่าง งงๆ ว่า

สเต็บต่อไป ... ทำไงต่อวะ 5555 5

คือซื้อแบบไม่รู้เลยว่า ไอ้ล้อ 700c ตัวถังอลูมีเนียม บวกกับชุดเกียร์แบบที่ติดมากับรถ มันจะสามารถทำอะไรให้เราได้บ้างในแง่ของ ประโยชน์ ที่จะเกิดจากตัวของมัน ... แต่หลังจากที่ฟังคำแนะนำจากเพื่อนที่เคยปั่นจักรยานอยู่ก่อนนั้น รวมทั้งนั่งขลุกอยู่กับเว็บจักรยานอยู่พักใหญ่ วันละหลายชั่วโมง

ก็ได้ช่องทางในการ สนุกกับของเล่นชิ้นใหม่ ที่ไม่เคยใส่ใจมาก่อน

จากไฮบริด 700c ธรรมดาๆ ก็ปรับนู่น เปลี่ยนนี่นั่น จุดหมุน วงล้อ รวมไปถึงอะไหล่อีกจำนวนหนึ่ง
ซึ่งต้องใช้คำว่า ... ประเคน ... ใส่เข้าไปกับรถตัวเอง เหมือนที่ผ่านมากับรถประเภทอื่น โดยที่ยังไม่รู้ตัวว่า กำลังจะจริงจังและหมกหมุ่นกับ วัตถุออกกำลังกาย อย่างเนียนๆ

ผ่านไปได้ซักระยะ หลังจากเริ่มปั่นไปเรื่อยๆ ก็เข้าโหมดเดิมของชีวิตคือ ค้นหาตัวเองกับสิ่งที่ชอบ ...
ด้วยการถามตัวเองว่า
- ปั่นยังไง ... ปั่นไปกินกาแฟปากซอยบ้าง ซื้อกับข้าวบ้าง
- เร็วขนาดไหน ... เรื่อยๆ เอื่อยๆ ขึ้นฟุตบาทมั่งในบางที
- ชอบอะไร ... ชอบจักรยานสวยๆ มีดีไซน์ (ฟังดูไฮโซ๊ไฮโซ)

นั่งเปิดเว็บทั้งไทยและเทศอยู่พักใหญ่ ก็มาสะดุดตากับ รถ Mini 20" คันเล็กๆ อย่าง Bruno Mini Velo 20 road ที่ออกแบบให้มีเกียร์อยู่ตรงตำแหน่งคอแฮนด์ ด้วยระบบสับถัง และสีเขียวตุ่นๆ ที่ดันไปตรงกับรถเต่า (คันที่แล้ว) ของตัวเอง ก็เลยตัดสินใจ ขาย Merida แม่งซะครับ เอาเงินมาซื้ออีบรูโน่ แล้วก็ปั่นๆๆๆๆ ด้วยความหรรษากับขนาดที่มินิของมัน

อยู่กับบรูโน่ได้พักนึง ปรับนู่นเปลี่ยนนี่ให้เข้ากับรถ ดูของแต่งๆ ต่างๆ ที่ส่วนใหญ่จะเป็นของวินเทจ เพื่อเอามาใส่กับบรูโน่ ดันไปเตะตามือช่วยเบรค Dia Comp ... ของจักรยานวินเทจคันนึง เป็นจุดเริ่มของคำตอบที่ว่า ... สงสัยกูจะมีใจรักของเก่าแฮะ เลยกลายเป็นที่มาของการเสาะหา วินเทจคล้ายๆ กับบรูโน่ แต่ขอโตกว่าซักนิด

จิ้มหน้าจออยู่ได้ไม่นาน ก็พบกับนางเอกตัวจริง Maruishi Emperor ที่น้องคนนึงจากอยุธยาลงขาย ด้วยความที่ไม่ค่อยรีบ ก็เลยนัดให้เขาเอารถมาส่งที่หลักสี่ แล้วจ่ายเงินพร้อมปั่นกลับบ้าน ในอารมณ์ที่ยังไม่รู้เลยว่า สับถัง Non-Index มันเป็นยังไง

สลับกันปั่นรถสองคันอย่างเมามันส์อย่างมีความสุขอยู่ในมิติประมาณว่า ...คันนึงมินิ คันนึงเก่าๆ ใช้ออกทริปบ้างเป็นบางครั้ง ยกขึ้น-ลง บนบ้านอย่างแฮปปี้ ก็เกิดจุดเปลี่ยนของรักครั้งใหญ่ ในความคิดที่ว่า ... คงต้องจริงจังแล้วล่ะมั้ง หลังมีคนปากหมาพาอารมณ์เสีย ก็เลยคิดอยากไปไหนด้วยจักรยานให้ไกลขึ้น ไกลได้เท่าไหร่ยิ่งอยากรู้ ถึงจะนานๆ ไปทีก็เถอะ ในโหมดของการทิ้งมอเตอร์ไซค์และรถเต่าออกจากตัวเรียบร้อย

แล้วจักรยานแบบไหนที่มันพาเราไปได้ไกลๆ โดยที่เหนื่อยน้อยกว่าการปั่นล้อ 20 นิ้ว และไม่ต้องกังวลกับอะไหล่ที่จะหลุดของวินเทจ ....

กลับมาใช้เวลาอีกครั้งกับการหาข้อมูลจากคนใกล้ตัว เพื่อนสนิทและมิตรสหายที่เคยรู้จักรักกัน ก็พบคำตอบสุดท้ายกับ Surly Long Haul Trucker จึงจัดการรวบรวมเงินทั้งหมดที่มี (ก็คือขายคันเดิมทั้งสองคันออกไปนั่นแหละ) แล้วเอาเงินบางส่วนมาซื้อเฟรม Surly ในอารมณ์ประมาณว่า ... คันนี้ตามใจฉันละกันนะ

จนปั่น Surly มาได้ครึ่งปี สิ่งนึงที่ได้เห็นจากจักรยาน และวงการจักรยานนั่นก็คือ

- รถสวยๆ แม่งเยอะอะ โคตรชอบเวลานั่งดูรถสวยๆ นี่โคตรฟิน ถึงจะไม่ใช่รถกูก็เถอะ อิอิ
- รถโชว์พลังแม่งก็เยอะ ชอบเหมือนกัน เวลานั่งดูคนปล่อยพลังในบางครั้ง ก็ฮาดี
- คนปั่นนิสัยดีมีถมไป หลายคนยิ้มทักทายบนถนน ทั้งๆ ที่กูก็ไม่เคยยิ้มให้ก่อนนะ (555)
- คนปั่นนิสัยแย่ๆ ก็เยอะ บางครั้งแม่งเห็นว่าเฟรมคาร์บอน ดีกว่าการช่วยเพื่อนปะยางข้างทาง
- การปั่นช้าๆ ได้รูปเยอะ ส่วนการปั่นเร็วๆ บางครั้งก็ได้รูปเยอะเหมือนกัน แต่ต้องใช้คนอื่นถ่ายให้น่ะ
- น้ำหนักลดลงอย่างฮวบฮาบเป็น 10 กิโล หน้าใสขึ้นเห็นได้อย่างชัดเจน (อันนี้เมียชอบ)
- รู้สึกปราดเปรียวขึ้นกว่าแต่ก่อน (เหมือนหมาแข่งยังไงไม่รู้)
- รถกูเปลี่ยนไปทุกวัน ซึ่งก็ไม่รู้ทำไม (อันนี้เมียรู้แต่เขาไม่พูด)
- อะไหล่สวยๆ แม่งชอบมาตอนสิ้นเดือน เหมือนวัดใจกัน
- กลับมารวมเพื่อนเก่าๆ ได้อีกหลายคน เป็นการ Reunion ที่ไม่ต้องโทรตาม (เออ อันนี้ดี)
- ยุเพื่อนที่ไม่เคยคิดปั่นจักรยาน ให้มันน้ำลายหกทาง FB จนมันก็ทนเราเร้าไม่ไหว อิอิ
- กระแสจักรยานมาแรงมาก จนหลายครั้งบางที เบื่อการตอบคำถามว่า นี่ซื้อมาเท่ห์ๆ ใช่มั้ย
- ไม่เคยคิดใส่หมวกหนำเลี๊ยบ กับ กางเกงเป้าตุง รวมไปถึงชุดปั่น เลยซักครั้ง (คือ เขินน่ะ)
- รถดี ไม่จำเป็นต้องแพง ก็ใช่แหละ
- รถแพง แต่แรงไม่มี ก็ใช่อีกแหละ
- รถแพงคือมายา แรงขาสิของจริง ก็ใช่อีกนั่นแหละ
- เราใช้รถแพงแถมแรงก็ไม่ค่อยมีตามที่เขาว่า แต่เวลาปั่น ปะยาง แวะเยี่ยว ... กูรอมึงทุกเที่ยวนะ

เข้าใจตามนั้น และอื่นๆ อีกมากมาย หลัง 1 ปีกว่าผ่านไปกับจักรยาน

มิ.ย. 57

11.6.57

ฝนแรกของถั่ว




 หลังจากขาหายเดี้ยงเนื่องจากไปจับกบมาเมื่ออาทิตย์ก่อน ก็กลับมาปั่นจักรยานมาทำงานอีกรอบเมื่อวาน เริ่มต้นจากร่มเกล้าเหมือนเดิม ปั่นมาเรื่อยๆ จนมาถึงทางเข้าคลองหลวงแพ่ง เหลือบไปเห็นเมฆดำๆ ลอยเกาะกลุ่มกันอยู่บนหัว

ใกล้จังวะ .... พลางนึกในใจ แล้วก็ปั่นต่อจนมาถึงทางเข้าตรงร้านขายปลาสลิด

ได้ยังไม่ถึงครึ่งทางดี อีเมฆดำก้อนใหญ่แปลงร่างเป็นเม็ดฝนนับร้อย หล่นลงมากระแทกกระบาลทีละนิดๆ จนเป็นห่าใหญ่ เดือดร้อนต้องเข้าไปแอบหลบในศาลาที่พักคนงานหน้าโรงงานอะไรซักอย่างกลางซอย

...ลาครึ่งวันแน่กู...

คำนวณปริมาณน้ำฝนในใจ และความหนาของเม็ดฝน ยืนหนาวให้ฝนมันตกซ้ำเติมอยู่พักนึง

...แม่งหยุดเอาดื้อๆ....

สาดดดด นาทีทองมาถึงแล้ว ปั่นไปทำงานต่อโว้ย 55555 ฟ้ามีตา
รีบปั่นฝ่าน้ำที่เจิ่งถนน จนเกือบถึงวัดกาหลง ฝนแม่งเปลี่ยนใจตกอีกรอบครับ (สัส)
ทีนี้ที่หลบ จากศาลาโรงงาน กลายเป็นศาลาหน้าวัดแทน อุ่นใจชิบหาย

นั่งหมดอาลัยตายอยาก (555) แล้วก็คุยกันอยู่พักนึก ถึงตัดสินใจไปต่อ
เพราะหยุดรอ มึงก็เปียกไปแล้วครับ ไปต่ออีก มันก็เปียกเท่าเดิม

งั้นปั่นลุยแม่งไปเลยละกัน แมนๆ
ถึงเอแบค 7:55 น. ฝนไม่มีซักแอะ.....

ทันเวลาเข้างานนะ แต่เปียกชิบหาย 555

มิ.ย. 57

4.6.57

เหงือกจ๋า ฟันลาก่อน


ฟันกรามซี่ในสุดข้างขวา แตกและผุไปเมื่อหลายเดือนก่อน ถอนออกไปเรียบร้อยตามคำทำนายของหมอฟันที่ โมเดิร์นทันตกรรม ว่า ในอนาคต ข้างซ้ายจะตามไปติดๆ

สองสามอาทิตย์ก่อนจาก ฟันกรามซี่ที่ว่า ส่งสัญญานบอกเหตุว่า กูจะไม่ไหวแล้วนะ
ด้วยการ แตก ไปซะครึ่งอัน ในขณะที่แปรงฟันอยู่ในห้องน้ำ แต่เจ้าของก็ยังชั่งใจ (ที่จริงแม่งกลัว)
เอาไว้ก่อนละกัน แล้วก็แสร้งทำเป็นลืม (ที่จริงแม่งก็กลัวนั่นล่ะ)

เวลาผ่านมานาน เท่าความรู้สึกที่เริ่มปวดแก้มข้างซ้ายหลายวัน หลังจากไปทำจักรยานล้มเอาคางเกยถนนมา ก็คิดเป็นตุเป็นตะเอาเองว่า ... ปวดคางล่ะมั้ง แต่ในใจก็นึก คงไม่รอดแล้วล่ะกู

ถึงวันแตกหัก นอนไม่หลับติดกันเป็นคืนที่ 2 และพาราเซตตามอล ก็เอาไม่อยู่ แบกฟันแตกๆ ในปากมาทำงาน พร้อมกับสีหน้าที่เหมือนคนขี้ไม่ออก ทนได้ครึ่งวันก็ขับรถกลับบ้าน แวะเข้า คลีนิคครอบครัวฟันดี ปากซอยบ้าน แล้วก็ให้ป้าหมอจัดการมันซะ

10 นาที ... ไม่ถึงด้วยมั้ง ที่ป้าหมอมือนิ่ม (หมายถึงมือเบานะ ไม่ได้ไปกุมมือเขา) สอบถาม ป้ายยา หรือฉีดก็ไม่รู้ เบาเหลือเกิน จนกระทั่งงัดกรามด้านซ้ายออกมาจนได้

หายปวดแล้วเว้ยสาดดดดดดดด

จบ...

มิ.ย. 57

ปล. คลีนิคครอบครัวฟันดี ทำฟันดี มือเบา เป็นกันเอง ... แต่ก็เก็บเงินนะ 5555 โดนไป 760 บาท สบายปากละ

2.6.57

เสียอย่าง - ได้หลายอย่าง






เช้าวานนี้เป็นวันปั่นจักรยานประจำวันหยุด

คืนก่อนสว่าง ฝนตกจนต้องวิ่งออกไปเก็บผ้าเข้าบ้าน หกโมงนิดๆ ฝนก็เลยบ้านไป ทิ้งไว้แต่น้ำเจิ่งถนน
นั่งคิด (ในส้วม) อยู่พักนึก ... เอาไงดีวะกู จะปั่นหรือไม่ปั่นดี พลันขี้เสร็จก็ลุกขึ้นมาแต่งตัว
(ล้างตูดแล้ว) จัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับการปั่น มุ่งหน้าเส้นทางเดิม เลียบมอเตอร์เวย์
บางปะอิน - บางนา

ถนนเต็มไปด้วยน้ำ ฉ่ำ และสดชื่น จักรยานหนึ่งคันปั่นชิลล์เอาท์ไปเรื่อยๆ แบบไม่มีทีท่าจะเกิดหายนะแต่อย่างใด ... นึกอะไรเพลินๆ อยู่แป๊บ เจอน้ำนองข้างหน้า แผล่บล้อจักรยานขึ้นขอบถนน

.@#@$O_-9#$#% ...... โครมมมม!! แสรดดดดดดดด

ด้วยความลื่น (แหละ) ประมาท (ด้วยแหละ) ปั่นอยู่ขอบทางแล้วเบนล้อขยับขึ้นถนน
ด้วยความที่ถนนมีระยะสูงต่ำประมาท 1 นิ้ว ล้อเปียกๆ กับถนนฉ่ำๆ เลยไม่ค่อยลงรอยกัน
แต่คนลงไปนอนคางเกยลอยคออยู่บนถนนพักใหญ่

เลิกตกใจแล้วก็สำรวจจักรยานที่เคารพ มีร่องรอยเล็กน้อยที่ตะแกรงท้าย บันได และก้นเบาะ ... แม่ง เบาะที่เคารพของกู ขาดเวยยย ... 5 นาทีผ่านไป ไม่มีใครเหลียวแลแล้วก็ปั่นต่อไปอย่างแมนๆ เพราะมาเกินครึ่งทางแล้ว จะกลับก็ตุ๊ดเกิน 5555 ผ่านช็อควิลล์แล้วพบว่า ไม่มีคนออกมาปั่นจักรยานเลยวะฮะ

แม่งมีแต่กังหัน หมุนติ้วๆๆๆๆๆ อยู่หน้าร้าน แล้วไอ้บ้าที่ไหนมาปั่นจักรยานอยู่คนเดียวเนี่ย

ก็แหง๋ล่ะ ฝนแม่งเพิ่งตกครับสัส
ใครจะบ้ามาปั่นจักรยานบ่ะ
ก้มหน้าก้มตา ปั่นกลับบ้านดีกว่า
นั่งจิบกาแฟร้านเดิม ย้อมใจ กินไป 2 จิบ เมียหิวข้าว
ต้องรีบเข้าบ้านอีกเอ้า

T_____T

มิ.ย. 57

ปล. ขาแหก คางเกือบแตกเยยย แสดดดดดด
ปลล. กลับมาบ้าน แอบลองชั่งน้ำหนักก่อนกินข้าวดู พบว่า เหลือ 70.3 กิโลกรัม กรี๊ดดดดด หายเจ็บ
ปลลล. ถึงจะล้ม แต่น้ำหนักลดมา 11 โลแล้วนะเฟ้ย คุ้มจะตาย