26.9.54

แค่พอใจ



สวัสดีค่ะ หนูชื่อ ด.ญ. พอใจ.....

พอใจเป็นลูกสาวคนแรกของพี่แดง รุ่นพี่ที่ทำงานเดียวกันกับผมน่ะครับ อายุเดือนกว่าๆ เอง พ่อของพอใจเป็นช่างภาพประจำมหาวิทยาลัย แกผ่านเรื่องราวแห่งความสุขและความทุกข์มามากมาย เคยยืนอยู่บนเส้นขอบชีวิตที่เรียกว่า...พลิกผัน ด้วยสารพัดแห่งความโชคร้าย และความโชคดี ปนเปกันไป

พอใจเกิดมาเพื่อทำให้พ่อแดงยิ้มได้ครับ ยิ้มในแบบที่ไม่เคยเห็นแกมานานแล้ว
หลังจากที่พี่แมว แฟนคนแรกของแกจากโลกนี้ไปเมื่อหลายปีก่อน

ด.ญ.พอใจเกิดมาเพื่อทำให้โลกใบนี้ รู้ว่า มีอะไรมากกว่าการนั่งจมอยู่กับอดีต
ที่ทำให้เรามัวแต่หยุดอยู่กับที่ ไม่ก้าวเดินไปไหน ทำให้ชีวิตของผู้ชายที่ผ่านร้อนหนาวซักคน
ได้ยิ้มอย่างพอใจ

ยินดีด้วยนะพี่ สำหรับพี่
ผมว่าเท่านี้ก็พอใจที่สุดแล้วใช่ไหม

ปล. ลูกพี่น่ารักชิบหายเลยว่ะ โตมาจะแกล้งซะให้เข็ด อิอิ

บนทางเดินเดิมๆ







บ่ายวันเสาร์ ขับเต่ากลับบ้านที่แปดริ้วมาฮะ ท่ามกลางเมฆและท้องฟ้าอันอึมครึม วิ่งปุเลงๆ ผ่านท้องนาแถวๆ คลองอุดมชลจร (คนกรุงเทพไม่รู้จักกันล่ะสิ อิอิ) แล้วก็วิ่งตามทางไปเรื่อยๆ จนถึงบ้าน

สังสรรค์เฮฮาที่บ้านเพื่อนซักพัก ก็กลับเข้าบ้านนอน
แต่คราวนี้เร็วกว่าปรกติ สี่ทุ่มก็ร่วงแล้ว (แหงสิ แม่งล่อตั้งกะบ่าย 55)

ตื่นเช้ามาใส่บาตร แล้วก็ออกไปถ่ายรูปบนสะพานข้ามแม่น้ำบางปะกงซักหน่อย
เช้าๆ แบบนี้บรรยากาศดีใช่เล่น แล้วก็ควบเต่ากลับบ้าน...
จะหมดเดือนกันยาละ เข้าเดือนตุลาคม คงมีอะไรให้เราตื่นเต้นอีกระลอก

ไม่ช้าก็เร็วแหละ
แต่เราก็ไปเรื่อยๆ
เดินช้าๆ บนทางเดิมๆ
เหมือนเดิม

กันยา 54

23.9.54

อย่ากลัวฝน เพราะฝนนั้นเย็นฉ่ำ






เล่นซะน่วมเลยเมื่อวาน - -''
ฝนตกตั้งกะเย็นครับ ตั้งเค้ามาดำปิ๊ดปี๋จากทางฝั่งบางนา แล้วซักพักมันก็ตกสมใจนึก
ทีแรกก็กะว่าจะออกหน้ามหาวิทยาลัย วิ่งเส้นบางนา-ตราด

แต่เกิดเปลี่ยนใจกะทันหัน (จริงๆ น่ะขี้เกียจ)
วิ่งกลับทางเก่า ลาดกระบัง-คลองสวน ครับ สมใจเลย ถนนกลายเป็นคลองชัดเจนมาก อยู่ข้างสวนด้วย - -''
ระหว่างทางกลับ วิ่งปุเลงๆๆ ผ่านทุ่งนา ขอแวะถ่ายรูปเก็บไว้ซักหน่อย...ยังมีกะใจ

ฝนตกไม่เป็นไร เครื่องไม่ดับเป็นใช้ได้
น้ำเข้าเต่าไม่เป็นไร ซักพักมันก็ไหลลงรูเดิม (เอามือวิดช่วยเล็กน้อย อิอิ)
อย่ากลัวฝน เพราะฝนนั้นเย็นฉ่ำ~

ปล. เช้ามาจอดใต้ตึก ขออีกซักรูปวะ โล่งดี

20.9.54

เริ่มชัด



เริ่มเห็นเค้าลางของการเปลี่ยนชีวิตอีกครั้ง
หลังจากได้ยินสัญญานของการปรับตัวอีกรอบ
ชีวิตน่าจะมีอะไรผกผันอีกที แต่...

รอบนี้คงเป็นรอบสุดท้าย
และคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอีกต่อไป
ข้างหน้าเป็นความจริงเสียที ดี ไม่ดี

ก็ยืดอก เพราะเลือกเอง

กันยา 54
ใกล้เข้ามาแล้ว

16.9.54

เยี๊ยกเปียกก



เปียกฮะ = ='

เมื่อวานหลังจากเลิกงาน เป็นวันแรกของรอบหลายปี ที่รู้สึกว่าไม่อยากกลับบ้านเลยวุ้ย
มิใช่อันใดเลย เพียงแต่ว่า ท้องฟ้ามันครึ้มมมม เมฆดำลอยมาเป็นกลุ่มก้อนสวยงาม อยู่บนฟ้าไม่กี่อึดใจ น้ำจากก้อนเมฆก็พรั่งพรูลงมา
ไอ้ครั้นจะนั่งเล่นเนทอยู่ที่ทำงาน มันก็เหงาเกิ้นนน ก็เลยตัดสินใจ...เอาวะ ไปจมเอาดาบหน้า!!!

เดชะบุญ เหมือนบาปที่ติดตัวมายังไม่ถึงเวลาชดใช้ ส่งให้เราอ้อมไปอีกทาง (ว่ะฮาๆๆ) ที่มันน่าจะท่วมน้อยที่สุด แล้วก็สัมฤทธิ์ผลฮะ ด้านบางบ่อถนนยังดี (หรือบ่อมันเยอะวะ) น้ำก็เลยไม่ท่วมเหมือนฝั่งด้านหลังมหาวิทยาลัย คุณนายประหยัดก็เลยรอดการจมน้ำไปอีกวัน มีซึมๆ มาที่พื้นบ้างเล็กน้อยช่วงถนนทางออกหน้าเอแบค

แต่มันก็หายกลับไปที่รูเดิม อิอิ

ฝนตกทุกวัน คิดว่าเต่าจะกลัวเรอะสาดดดดด

กันยา 54

ปล. ตกได้ตกไป แต่อย่าท่วมนะมึง เดี๋ยวกูจมน้ำ >_<

14.9.54

โลกใบเล็ก



ถึงขนาดลงทุนถ่ายรูป ตั้งชื่อบล็อกซะน่ารักเชียว - -''

ใจจริงไม่อยากไปยุ่งกับแม่งเล้ย สาดดด...เมื่อวานช่วงค่ำอาบน้ำตามปรกติครับ ตะหงิดๆ อยู่ว่าเมื่อวานอาบอยู่ดีๆ แหงะดูผ้าม่านกันเปียกในห้องน้ำ เอ่ะ ตัวอะไรมันเกาะอยู่ตรงห่วงคล้องผ้าม่านวะ สบสายตากันปิ๊งปั๊งๆ ก็ได้คำตอบในใจ

...จิ้งจก... .. .

ผมเป็นผู้ชายที่ไม่คิดจะญาติดีกับจิ้งจกทั่วโลกครับ ไม่ว่าจะเป็นพันธ์พิเศษหายากมาจากไหน 3 หาง 4 ขา หรือ 8 หัว กูก็ไม่เอาทั้งนั้น ใหญ่ เล็กขนาดไหนก็อย่าได้มายุ่งวุ่นวาย พูดแล้วก็ ยี๋...ตัวนิิ่มๆ ใสๆ หางกระแด่วๆ วุ้ย ชวนขนลุกที่ตูดชิบหาย

ก้มลงจะแปรงฟันครับ ตาเหลือบไปเห็นหางอะไรแว้บๆ อยู่ข้างแก้ว สัญชาติญานสะกิดเรียกเสียงดังฟังชัดว่า งานเข้า! ใช่เลย มันคือ จิ้งจก...สาดๆๆๆๆ แต่ก็ยังดีที่มันอยู่นิ่งๆ แววตามันมองมาที่ผมเขม็ง เราทั้งคู่ผสานหัวใจกันเป็นหนึ่งเดียว ยังไม่ทันที่แปรงสีฟันจะเข้าปาก ก็เปิดประตูออกไปตั้งหลักก่อน

สาดดๆๆๆๆๆๆ

ไม่ได้หนีนะ แค่เดินออกไปเอากล้องมาถ่ายรูป (ถ่ายทำไมวะ?) แล้วไอ้จิ้งจกมันก็คงไม่รู้จะหนีไปทางไหนดี เพราะผมเล่นหยิบภูเขา (ตลับแว๊กซ์ผม) พร้อมกับหินโสโครก (ขวดโรลออน) ไปขวางทางแม่งทั้งข้างหน้าและหลัง มันก็เลยอับจนหนทางไป...สะใจว่ะ

เป็นไงล่ะมึง ซ่านัก
ยกภูเขามาขวางทางแม่ง สาดดดดดดดด

กันยา 54

ปล. ชีวตกูทำไมแม่งต้องเจอแต่จิ้งจก >_<
ปลล. โลกของมันจะเป็นยังไงวะ เจอภูเขาขวางหน้า
ปลลล. ช่างแม่งเหอะ แค่สะใจก็พอ

12.9.54

กลับบ้านเก่า



ไปเมืองย่าโมมาครับ สองอาทิตย์นี้ได้แต่ตะลอนๆ ขับรถร่วมพันโลไปแล้วมั้ง เคยมาอยู่ที่โคราชสมัยเรียน ป.3 เพราะพ่อย้ายมาเป็นข้าราชการครูที่นี่ อยู่ได้แค่ 6 เดือนก็ย้ายกลับแปดริ้ว แต่เหมือนกับว่าเราอยู่โคราชมาเสียนาน อะไรๆ รอบๆ เมื่อเราไปถึงอีกครั้ง มันก็ยังเป็นเหมือนเมื่อตอนยังเด็ก วัดก็ยังอยู่ตรงนั้น บ้านฉันก็เคยอยู่ตรงนั้น ฯลฯ

แวะไปไหว้ย่าโม 2 รอบ เจอฝนทั้งสองที เมืองโคราชวันนี้รถเยอะกว่าเมื่อก่อนมากมายครับ กินข้าวกลางวันและเย็น ที่ร้านเป็ดย่างพิมาย เลยบ้านมานิดนึงเหมือนเคยเป็นมา (สมัยก่อนน้องชายเรียน มทส. ก็มากินแต่ร้านนี้) เป็ดก็ยังแห้งเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ใช้ชีวิตอยู่ในโคราช 3 วัน 2 คืน เจอแต่ฝนแล้วก็ฝน ตกกันไม่เว้นแต่ละวัน หนักบ้างเบาบ้างแต่ก็ไม่เคยขาดเม็ด

ขับรถผ่านหน้าบ้านเก่า เหมือนจำได้ลางๆ ว่าบ้านอยู่ละแวกวัดศาลาลอย แต่คราวนี้มันเปลี่ยนไปมาก ตึกราบ้านช่องมันสลับกลับที่กันไปหมด เช่นเดียวกับความทรงจำวัยเด็ก ที่พอมีหลงเหลือแบบลางๆ นึกถึงตอนที่ยายนั่งรถทัวร์มาอยู่บ้านนี้ ตอนดึกที่พ่อกลับมาจากภาคใต้ แล้วซื้อของเล่นมาให้ เราก็ยังอุตส่าห์ตื่นขึ้นมาเล่น ทั้งๆ ที่มันเที่ยงคืนกว่าเข้าไปแล้ว...หรือจะเป็นช่วงที่น้องชายมันพูดเหน่อสำเนียงโคราช แล้วเราเอาไปฟ้องแม่ (ทำไมก็ไม่รู้)

แม่เคยเล่าให้ฟังว่า คืนที่เรามาถึง ฝนตกหนักมาก ทุกคนหลับกันหมดบ้านเพราะเหนื่อยที่เดินทางมาไกลโข เช้ามาน้ำฝนเต็มปรี่ทุกตุ่ม...เพราะข้างบ้านเขารองน้ำฝนไว้ให้...นึกแล้วก็อดอมยิ้มไว้ไม่ได้ แม้เวลามันจะผ่านมานานราว 20 กว่าปี แต่เมื่อใดที่แม่นึกขึ้นได้ แล้วหยิบเอาเรื่องนี้ขึ้นมาเรา ก็เรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มได้ดีนักแล

คนโคราช มีน้ำใจ...
กลับมาเยี่ยมโคราชเมื่อไร หัวใจมันพองโต
ถึงแม้บ้านเก่าเราจะไม่ได้อยู่ที่เดิมแล้วก็ตามที

เวลาเปลี่ยนไป แต่ความรู้สึกมันก็เหมือนๆ เดิม
ถึงจะลางๆ ก็เถอะ

กันยา 54

โคราชบ้านเอ็ง

8.9.54

รุ้ง





หลังฝนตกหนัก มักจะมีรุ้งครับ แต่ก็ต้องขอความช่วยเหลือจากแดดอ่อนๆ ด้วยนะ รุ้งมันถึงจะเกิดแบบเต็มวงแบบนี้ เมื่อวานช่วงหลังเลิกงาน น้องฝนกลับมาทำหน้าที่เหมือนทุกวันที่ผ่านมา แต่คราวนี้หนักกว่าหน่อย เล่นเอาคุณนายประหยัดงอมพระรามกันเลยทีเดียว แต่ตกได้ซักพัก เธอก็หายเข้ากลีบเมฆไป พร้อมกับส่งเพื่อนสนิทอย่าง น้องรุ้ง มาอวดโฉม เฉิดฉายอยู่หน้าม่านสีขาวขุ่นบนท้องฟ้า

ฝนตกก็ดีนะครับ ชุ่มฉ่ำไปทุกพื้นที่ นานๆ จะเห็นรุ้งในกรุงเทพ เมืองฟ้าอมรซักที ที่ๆ หันไปทางไหนก็มีแต่ตึก สะพานลอย โรงงาน ฯลฯ หันไปเห็นรุ้งให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านนอกดี

ลืมเอานิ้วจิ้มตูดซะด้วย ไม่รู้นิ้วจะกุดมั้ย อิอิ

กันยา 54

ปล. เอาไงกับรถดีวะ >_<

6.9.54

เพื่อให้หัวใจแข็งแรงพอ



ครอบครัวก็เหมือนเรือลำนึง เมื่อคนพายหนึ่งคน หมดแรงเลิกพายไป คนที่เหลืออยู่ ถ้าไม่ช่วยกันพายต่อ เรือมันไปไม่ถึงฝั่ง หรือหันออกนอกทาง การห้ามโรคภัยให้เกิดกับเรา มันห้ามไม่ได้ แต่เราห้ามความคิดของเรา ไม่ให้ป่วยไปตามโรคได้ ถ้าหัวใจเราแข็งแรงพอ

ความเหนื่อย หรือท้อแท้ มันมีกันทุกคน ไม่เว้นแม้แต่คนที่แกร่งที่สุด แต่ความแตกต่างของคน มันอยู่ที่ว่า "ใครล้มแล้วลุกไวกว่ากัน" ร้องไห้เท่าไหร่ก็ร้องไป ทุกคนเข้าใจ แต่ร้องเสร็จแล้วก็ลุกขึ้นมา พาคนที่เรารักไปทำ "ทุกอย่าง" ที่หมอหรือเขาต้องการ อย่ามัวเสียเวลากับเรื่องเสียใจ เพราะเราไม่รู้ว่า เรามีเวลาเหลืออีกเท่าไหร่

แม่ผมเป็นหอบมา 26 ปีเต็ม ขนาดว่านั่งเฉยๆ ยังเหนื่อย บวกกับปลายชีวิตก็ยังเป็นมะเร็งแถมมาอีก (ไม่รวมเนื้องอกในปอด ที่ไปขึ้นเขียงให้หมอผ่าหลังเล่นๆ ซะงั้น) แต่แกไม่เคยบ่นซักคำว่า ทำไมต้องเกิดกับแกวะ เพราะแม่สอนให้คิดเสมอว่า คนที่แย่กว่าแม่ยังมีอีกเยอะ แกไม่มีเวลาพอที่จะไปคิดเรื่องแย่ๆ แบบนั้น สู้เอาเวลาที่เหลือมาใช้ให้มีความสุขกับคนที่เรารักดีกว่า อะไรที่ดี ที่ไหน ที่ใครบอกหรือแนะนำ แม่ไปและทำตามหมดทุกอย่าง

แกไม่ได้ทำเพราะว่ากลัวที่จะไม่มีชีวิตอยู่บนโลก แต่แกอยากใช้เวลาที่เหลือให้คุ้มค่ากับคนที่แกรัก และทำทุกอย่างเพื่ออยู่กับคนที่รักแกให้นานที่สุด ได้ผลอย่างไรแกไม่รู้ รู้แต่ว่าได้ทำทุกอย่างแล้ว

ถ้าใครรอบข้างของเราล้ม ก็หวังเพียงแค่ลุกให้ไว แล้วทำทุกอย่างต่อไปตามที่สิ่งที่เราเห็นว่า ดีพอ เพราะเราไม่มีเวลากับเรื่องเสียใจมากเท่าไหร่ จงใช้เวลาที่เหลือให้คุ้มและแข็งแรงเข้าไว้

มันต้องมีคนหนึ่งคน ที่ลุกขึ้นพายเรือ
ถึงแม้คนที่เหลือมันจะเหนื่อยแค่ไหนก็เถอะ

กันยา 54

บล๊อคส่งกำลังใจสำหรับคนใกล้ตัว
เพื่อให้หัวใจแข็งแรงพอ

2.9.54

กันยา มากับฝน



ล่วงเข้าเดือนกันยายนแล้วครับ รู้สึกว่าเดือนที่แล้วนี่ ฝนตกมันเกือบทั้งเดือนเลยนะ จะเว้นก็เพียงแค่บางวันของอาทิตย์ ต่อมาจนถึงเดือนกันยา ก็พาเอาฝนตามมาอีกหลายระลอก โดนเต็มๆ ไปสองวันถึงกับเปื่อยได้ที่ ช่วงเช้าก็สดใสดีหรอกครับ แต่พอตกเย็น แม่งมามืดเชียว (ดูรูปสิ) ในใจก็นึกว่า ไม่ทันแน่ละ ขับต่อไปซักพักจนถึงกลางทาง ก็ไม่ทันจริงๆ แหละ - -''

โดนเต็มๆ ครับ มาชนิดที่ว่าขาวโพลนไปทั้งฟ้า ที่ปัดน้ำฝนทำงานมือเป็นระวิง กรุ่กกรั่กๆๆๆ ปัดเกลี้ยงมั่งไม่เกลี้ยงมั่ง
มาถึงบ้าน เอ่ะ อะไรมันอยู่ข้างโน้นวะ ฉ่ำๆ ใสๆ นองๆ

แม่ง...น้ำท่วมเต่า
แสดดดดด >_<

กันยา
พาฝนไปจากกูที