30.8.53

อ่านแล้ว...อมยิ้ม







เกิดมาเป็นหมาก็เซ็งจะแย่
พูดก็ไม่ได้ เห่าก็ถูกด่า
แถมยังมาขาหักอีก
ชีวิตครึ่งซีกของ "อมยิ้ม"

แต่นี่คงไม่แย่เท่าโดนเอาลำโพงครอบหัว
แถมตัวเองยังต้องนอนค้างโรงพยาบาล
ใครก็ไม่รู้อยู่ข้างๆ ไม่สนิทด้วย

คิ้วย่นไป 3 พับวันรับกลับ
อยากกลับบ้านใจจะขาด
พลาดที่เกิดเป็นหมา แต่ที่เซ็งกว่าก็คือ
ไม่ได้อยู่บ้านตัวเอง แถมมีลำโพงเซ็งแถมมาอีก


หมอหรือใครจะไปรู้ว่า































กูไม่กัดเฝือกตัวเองหรอก
โว้ยยยยยยย....แต่กูพูดไม่ด้ายยยย

สิงหามคม อมยิ้ม
:)

27.8.53

ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม



ร้านเหล้าปั่น small drink ย่างเข้าเดือนที่ 4 แล้ว ตั้งแต่คิดที่จะทำเมื่อช่วงพฤษภาคมที่ผ่านมา ก็ไม่เคยนึกว่าร้านเล็กๆ แค่นั้นมันจะกลายเป็นความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงที่ละเสียไม่ได้ ต้องไปเปิดร้านทุกเย็นจนถึงเวลาปิดร้านในช่วงข้ามคืนของวันถัดไป เป็นกิจวัตรแบบนี้เรื่อยมา อีกไม่กี่วันก็ย่างเข้าเดือนที่ 5 แล้ว มีอะไรให้ต้องนั่งจับเข่าคุยกันในเรื่องที่เกี่ยวกับร้าน ว่า

จะทำต่อ? หรือ จะพอแค่นี้?

ไม่ใช่ว่ามันไปต่อไม่ได้ แต่เนื่องจากต้องย้ายที่อยู่จากพัฒนาการ 54 ที่เคยอยู่มาหลายปีไปนอนที่ลาดกระบัง 54 ที่พ่ออุตส่าห์ซื้อบ้านให้อยู่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เรื่องของระยะทางจากที่บ้าน ไปยังร้าน ซึ่งปรกติแล้วแม่งก็โคตรจะไกลเป็นทุนเดิม แต่พอย้ายที่อยู่ใหม่ ระยะทางก็ยิ่งเพิ่ม ยิ่งไกลมากกว่าเก่าซะอีก เรื่องความเหนื่อยหน่ายกับการเจออะไรซ้ำๆ บนถนน เช่นรถติด แตรดัง หมาตายฯลฯ คงไม่ได้เป็นผลทำให้เหนื่อยขนาดที่ว่า พอเหอะกู..

แต่มันเป็นความเหมาะสมที่เราจะต้องคิดให้ดีเสียมากกว่า ว่าในการที่จะต้องลงไปจับตั๊กแตนแบบที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตนี้มันคุ้มมั้ย หรือจะเอายังไงกันดี ทำร้านแล้วได้เงินมาจ่ายค่ารถ มันก็คุ้มอยู่ ถ้าไม่มีร้านคงต้องเดือดร้อนควักกระเป๋ากันเอง

สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างตัวเราและคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็แล้วแต่
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความเหมาะสม ก็ได้แต่แอบชื่นชมและยกหางตัวเองบ้างในบางครา
ว่าบางทีกูก็เป็นโล้เป็นพาย ได้เหมือนกัน

สิงหาคม 2553

26.8.53

ที่ไหนก็ไม่เหมือนกุงเต้บ



เมื่อวานเย็นเปิดร้านตามปรกติครับ ซักประมาณ 3 ทุ่มกว่าๆ ฝนก็เริ่มทะยอยโปรยเม็ดลงมา ทีละนิดๆ จากเม็ดเล็กก็เริ่มเพิ่มจำนวนเป็นเม็ดใหญ่ ทิ้งเวลาไม่นานมันก็กลายเป็นห่าฝนครับ 1 ชั่วโมงกว่าผ่านไป สายไหมก็กลายเป็นชะอำ ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำและเจิ่งนองไปทั้งสองฝั่ง

ปิดร้านสิฮะแบบนี้ จะอยู่หาข้าวเกรียบอะไร มุ่งหน้ากลับหอหลังจากส่งหญิงเข้าบ้าน ข้างหน้าเป็นปรอยฝนระลอกใหม่ที่ก่อตัวตั้งเค้ารอกระหน่ำคนที่ยังอยู่บนถนน เช่นผม..แล้วก็ไม่รอดจนได้ วิ่งตุแหง่กๆ จากเลียบด่วนรามอินทราฝ่ามหาชนฝนจ๋ามาจนถึงแยกคลองตัน ไฟสีแดงจากท้ายรถคันหน้าก็เริ่มเพิ่มจำนวนขึ้น

ทีละคัน ทีละคัน

เลี้ยวซ้ายผ่านแยกคลองตันมาแล้วรถก็ติดท่อก็ตัน น้ำก็ดันท่วมเหมือนชั่วโมงเร่งด่วนตอนช่วงเช้าไม่มีผิด (แต่ชิบหายครับ นี่มันเที่ยงคืนนะโว้ย) จำใจต้องตุแหง่กตามก้นกันไปตลอดเส้นพัฒนาการครับ เสียงน้ำกระแทกข้างตัวรถดังเฉาะแฉะๆ ผมกลับรถใต้สะพานข้ามแยกพัฒนาการ แล้วก็เลี้ยวเข้าซอย 54 เพื่อกลับหอ..

...ซวบบบบ!!!
....บุ๋งงๆๆๆๆ!!!


...ปุ๋งงๆๆๆๆๆๆๆ


ชิบหาย...น้ำแม่งท่วมเต็มซอยในระดับที่หมาไทยโตเต็มวัยไม่น่าจะเดินเล่นได้แน่ๆ กลั้นใจมุดน้ำเข้าไปได้แค่ปากซอยได้แค่ระยะ 5 เมตรแล้วก็ต้องวกรถกลับออกมาเพราะไม่อยากจมน้ำตาย แล้วยูเทิร์นกลับมาอีกฝั่งถนนเพื่อไปนอนบ้านหลังใหม่ที่ลาดกระบัง 54 (ก็ได้วะ) พลางนึกในใจว่าที่นั่นเป็นของใหม่ อะไรๆ คงไม่เหมือนของเก่าที่เราเคยเห็นแบบ (พัฒนาการ 54) แห่งนี้ก็เป็นได้..

ว่าแล้วก็มุ่งหน้าไปหาความศิวิไลกันเถิดเอย พร้อมกับห้อตะบึงอาชาคู่ใจไปยังลาดกระบัง 54 ทันที
(ก็ต้องห้อสิ ตีหนึ่งแล้วแสด)










อุเหม่ หมาสี่แม่มึ๊ง (ดังภาพ)
แม่งเหมือนกันทั่วประเทศเลยรึไงวะ
ที่ไหนก็ท่วม แสดดดด

สิงหา พาเพลิน 2553

25.8.53

my iron lung



ขึ้นต้นหัวบล็อคก็ชวนให้นึกถึงเพลงของ radio head เสียเหลือเกิน แต่ที่จริงไม่ได้หมายความแบบนั้นหรอก แค่ใกล้เคียง เพียงแต่มันเป็น ปอด ของผมจริงๆ ที่ไปตรวจสุขภาพประจำหลายปีมาเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว เหตุเพราะว่าจะทำ ชปค. ให้กับตัวเอง ก็เลยต้องขอความร่วมมือจากพ่อ ให้พาไปที่ คุรุสภา ที เพราะว่าตัวเองขับรถไปไม่ถูก..

ที่จริงน่ะขับไปได้ แต่ขากลับไม่แน่ใจว่าจะออกมาถูกทางมั้ย ก็เลยให้พ่อพาไป น่าจะเป็นการดีที่สุด
เพราะว่ากว่าจะงมทางออกเจอ กว่าจะหาตึกเจอ กูแก่ตายพอดี

ถึงคุรุสภาประมาณ 10 โมงครึ่ง ก็ทำการกรอกใบสมัครแล้วก็ขึ้นไปยังตึกเพื่อทำการขอใบรับรองแพทย์ (ราคา 80 บาท) เสร็จแล้วก็เดินขึ้นไปยังชั้นที่สองเพื่อคุยกับคุณหมอผู้หญิงที่นั่งรออยู่แล้ว บทสนทนาผ่านไปพร้อมกับคำแนะนำให้ไปตรวจปอดซะ เราก็รีบกุลีกุจอหยิบบัตรคิวเพื่อรอทำการตรวจ

ครึ่งชั่วโมงผ่านไปหลังจากเข้าไปในห้องเอ๊กซ์เรย์ แผ่นฟิล์มเนกาตีฟปอดของตัวเองก็ออกมาดังภาพ...แท่นแท้นนนนน

...เหี้ยเอ๊ย ปอดกูไม่มี >_< (รำพึงในใจ)
ก่อนที่หมอจะบอกว่า "ไม่เป็นไรหรอก แบบนี้ล่ะปรกติ
ถ้าผิดปรกติแล้วจะโทรไปบอกนะ ขอให้หมอเฉพาะทางเช็คดูให้ชัวร์ก่อน
ขอเบอร์โทรด้วย..."


เป็นการแจกเบอร์สาวที่ไม่เต็มใจเป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการ
แต่ไม่ต้องโทรมาก็ได้นะหมอ
ผมไม่ว่าง

>_<

สิงหาคม 2553

16.8.53

chollada the impress



panorama งามๆ จากมือถือง่อยๆ ของ lake view ที่ chollada suvarnabhumi
รอพ่อซื้อ 10-20 mm. ก่อนนะจ๊ะ สัญญาเลยว่าจะถ่ายแบบงามๆ มาลงอีกรอบ

สิงหาคม 2553

ปล. บ้านมีไม่รู้จักถ่าย - -''

แม่ของฉัน



"...ให้กายเราใกล้กัน ให้ดวงตาใกล้ตา
ให้ดวงใจเราสองเชื่อมโยงผูกพัน

ให้เจ้าเป็นเด็กดี ให้เจ้ามีพลัง
ให้เจ้าเป็นความหวังของแม่ต่อไป..."


สิงหาคม 2553
มีความสุขมากๆ นะแม่
:)

11.8.53

รั่ว


ในช่วงวันที่ 10-11 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ในช่วงวันที่ 12-16 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

http://www.tmd.go.th/7-day_forecast.php


ฝนตกหนักบางแห่งนี่ อาจจะเป็นเฉพาะที่ร้านเราก็ได้ เห็นตกไม่ลืมหูลืมตา มา 3 คืนติดๆ กัน ร้านกูจะลอยตามน้ำไปติดปั๊มแก๊สฝั่งตรงข้ามอยู่แล้ว ถ้าตกหนักแบบนี้อีก จะเปลี่ยนร้านขายเหล้าปั่น เป็นแพขนานยนต์แม่งซะเลย ท่าจะดี - -'
ได้หยุดยาว 4 วัน ไม่ต้องคิดไปเที่ยวไหน...อยู่บ้านรองน้ำฝนเพลินล่ะกู

สิงหาคม 2553

ปล. หมีเหลืองซื้อมาจากร้านขายของจุกจิกจากญี่ปุ่น แถวลาดปลาเค้า

9.8.53

เหงา ก็เข้าใจอยู่



เมื่อวานเย็นขับไอ้ส้มไป คาร์ฟูร์ คลองสี่ เพื่อซื้อว๊อดก้ามาใช้ที่ร้าน ฝนน่ะตกล่วงหน้ามาตั้งแต่เมื่อสองวันที่แล้ว ทำให้วันนี้หลงเหลือแค่เพียงกลิ่นของดินที่ถูกพรมด้วยน้ำฝน ซื้อของเสร็จก็เดินออกจากห้างเพื่อเตรียมตัวกลับ ขยับหางตามองไปทางจังก์ฟู๊ดของพี่เบิ้ม ท้องฟ้าวันนี้เหงาชิบหาย

จริงๆ คิดไปเองแหละ มันก็ท้องฟ้าของเย็นวันนึง
เพียงแต่กูอยากขี่รถก็เท่านั้น (ดราม่าชิบหาย)
แม่งเหงา แต่ก็เข้าใจอยู่ว่าตอนนี้อะไรที่มันสำคัญกว่าตัวเราเอง..

ดึงสมาธิกลับมา
แล้วก็เลิกคิดถึงเรื่องท้องฟ้าสวยๆ นั่น

จับพวงมาลัยแล้วก็ตะโกนอยู่ในรถ
"กูอยากขี่มอไซค์โว้ยยยยยย ย ย ย ย ย ย "
(แม่งดราม่าล้วนๆ .. อิอิ)

สิงหาคม 2553
ไม่มีวันไหน ไร้ HD

5.8.53

จังหวะชีวิต



เมื่อวานเย็นหลังเลิกงาน ขับรถฝ่าฝนตกและรถติดเข้าไปรับหญิงที่ทำงานแถวนวมินทร์ ถนนเส้นสุขาภิบาล 1 กลายเป็นสวนสยามย่อยๆ ทั้งมอเตอร์ไซค์และรถยนต์ วิ่งกันบนน้ำเหมือนเรือเล่นในคลอง เราออกจากออฟฟิศก็มุ่งหน้าไปหาข้าวกิน ลงเอยที่ร้านหมูกระทะที่ซอย 87 ที่เขียนป้ายล่อตะเข้ไว้ว่า 159 เท่านั้น

ไม่รีรอ จอดรถแล้วก็นั่งโต๊ะ สั่งๆๆๆๆ กินๆๆๆๆ ฝนตกๆๆๆๆ หนาวๆๆๆๆ

ซักพักพอท้องได้รับอาหารในปริมาณที่พอเหมาะ เราก็หยุดการทำลายล้างลง แล้วก้มมองหมาตัวนึงที่เดินหน้าเศร้าๆ เข้ามาในร้าน แววตาโรยแลดูอ่อนแรง ซี่โครงแห้งบานเหมือนเนินลูกระนาดตามซอย มันนั่งจ้องผมซักครู่ ได้เนื้อไป 2-3 ชิ้น (แดกเนื้อสันในเชียวนะมึง) แล้วก็ล้มตัวลงนอน

ขาสี่ข้างไขว้กันเหมือนสานตระกร้าหวาย อึดใจมันก็เผลอหลับ ไม่ขยับร่างกาย นิ่งและสั่นเครือในบางจังหวะ เรานั่งเพ่งดูมันนอนพร้อมทั้งนับซี่โครงที่โชว์หราอยู่ข้างลำตัว ขามันครบนะ ไม่เหมือนไอ้เล่ที่ขาเป๋มาตั้งแต่เกิด สิ่งนึงที่มันทั้งคู่เหมือนกันนั่นคือ เห่าเป็นอย่างเดียว แต่สิ่งนึงที่ต่างกันกับไอ้เล่ คือจังหวะและโอกาส ที่ไอ้นี่ไม่มี

จังหวะดีหรือไม่ดี ที่มันดันเกิดมาเป็นลูกหมาเมื่อหลายปีก่อน เจ้าของเป็นใครก็ไม่รู้ หรืออาจจะอยู่ข้างถนนมานานจนจำหน้าตาพ่อหรือแม่ไม่ได้ ไม่มีแม้กระทั่งมือที่คอยสัมผัสหัวเวลาที่มันเหงา ไม่เหมือนไอ้เล่ โอกาสที่ดีที่สุดของไอ้เล่คือได้เกิดมาในบ้านคน ได้รับการดูแลจากผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของ เพียงแต่ไอ้เล่มันจังหวะไม่ดี ที่เกิดมาเป็นหมาแล้วขาเสือกเป๋...

ถ้ามันทั้งคู่เลือกได้ คงอยากเลือกที่จะเกิดมาในบ้านที่มีทั้งเจ้าของและขาไม่เป๋
ไม่ต้องมาอยู่เพียงลำพัง ทั้งๆ ที่ขาครบและดีแบบนี้
แต่ในเมื่อเลือกไม่ได้ ก็ต้องใช้ชีวิตกันต่อไป เพราะอีกไม่นานมันก็คงตื่น
แล้วก็เดินตามจังหวะชีวิตต่อไป

สิงหาคม 2553

3.8.53

พยายามเดิน...ทำให้ชีวิตอยู่ได้



เปเล่ เป็นชื่อที่ผมตั้งให้ลูกหมาพันธุ์ทาง(ไหนวะ) ระหว่างนังน้ำตาล ซึ่งเป็นแม่หมาพันธุ์บางแก้วผสมไทย กับพ่อพันธุ์ไทย (ตัวไหนวะ) ในละแวกซอยรามอินทรา 65 แยก 4 ของบ้านหญิงครับ มันลืมตาขึ้นมาดูโลกเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2553 พร้อมๆ กับพี่น้องของมันอีก 6 ตัว เปเล่เป็นตัวผู้ครับ และจากการเดา มันก็น่าจะเป็นตัวสุดท้องที่มุดออกจากท้องแม่ตามหลังพี่ๆ ของมันทั้ง 6 ตัว ที่เดาแบบนั้นก็เพราะว่า

ในบรรดาลูกทั้ง 7 ตัวของน้ำตาลแฟมิลี่ ก็มีไอ้เปเล่นี่ล่ะครับที่ตัวเล็กกว่าชาวบ้านเขา เพราะตอนเด็กๆ คลานไปกินนมไม่ทันพี่ๆ โตขึ้นมาอีกหน่อยก็ดันทะลึ่งเดินไปกินนมช้ากว่าชาวบ้านเขา กว่าจะไปถึงก็แทบหมดเต้าแล้ว ทำให้เปเล่โตขึ้นมากับไซส์ที่ มินิ กว่าชาวบ้านเขา

มันเริ่มลืมตาเมื่อประมาณกลางเดือนที่ผ่านมา แล้วก็เริ่มวิ่งเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมาเช่นกัน สิ่งพิเศษที่ทำให้เปเล่ไม่เหมือนใคร นั่นก็คือขาขวาหน้าของเปเล่ ในส่วนข้อพับช่วงปลายเท้า มันหักงอเข้าหาลำตัว (แต่เสือกงออยู่แบบนั้น) โดยที่มันไม่เหยียดตรงเหมือนตัวอื่น ทำให้เปเล่ต้องยืนโดยการใช้ 3 ขาหลังช่วยพยุง แทนที่จะเป็น 4 ขาเหมือนอย่างที่ควรจะเป็น

แรกเกิดเลย พวกมันก็นอนกันอย่างเดียวล่ะครับ (รวมทั้งเปเล่) วันๆ ไม่ได้ทำอะไรนอกจากหลับ ตื่นมาแล้วก็แหกปากร้องหานมแม่ แต่พอมันเริ่มลืมตาและเดินได้ เปเล่ก็มีสิ่งพิเศษแตกต่างจากคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด คือเอาหน้าอกเดินแทนขาหน้าข้างที่งอ

เริ่มเดือนที่สองของชีวิตเปเล่ มันเริ่มหันมาใช้ประโยชน์จากขา ด้วยการยกเลิกการใช้หน้าอก และเปลี่ยนมาใช้ขาที่พับยันพื้นแทน แรกๆ ก็ดูตะกุกตะกักพอสมควรล่ะครับ กับการใช้อวัยวะที่มันไม่ค่อยสมประกอบของร่างกายเพื่อการพยุงตัวเดิน แต่พอผ่านไปซักพัก เปเล่มันก็เริ่มชินและเดิน สลับกับการกระดื๊บๆ ไปอย่างคล่องแคล่ว บ่อยครั้งที่เห็นมันเริ่มที่จะวิ่ง ด้วยขาทั้งหมดของมัน

และบ่อยครั้งที่ผมเห็นมันเริ่มที่จะกระโดดด้วยขาทั้งหมดของมันเช่นกัน น่าแปลกที่เกิดมาแล้วขามันป็นแบบนั้น แต่ผมไม่เห็นเปเล่สนใจในชีวิตที่มันเลือกเกิดไม่ได้เลยซักนิด มันก็ยังคงใช้ขาทั้งหมดของมัน (รวมทั้งขาพับๆ ข้างนั้น) ในการดำเนินชีวิตแบบหมาๆ ตามปรกติ

ผมว่าชีวิตมันเลือกเกิดไม่ได้ ไอ้เปเล่เองมันก็คงไม่รู้หรอกว่า หลังจากที่มันเกิด ขาของมันจะพับแบบที่ไม่มีวันยืดออกเหมือนคนอื่น แล้วทำให้ชีวิตของมันลำบากตลอดไปนับตั้งแต่มันเริ่มหายใจ มันรู้แต่เพียงต้องเดิน ชีวิตมันถึงจะอยู่ได้ ก็เท่านั้น

สิ่งที่ได้เห็น อาจเป็นกำลังใจในการใช้ชีวิต
ของคนที่จะต้องเดินด้วยขา(ที่ครบ)หรือไม่ครบ
ในแบบฉบับที่เหมือนกับไอ้เปเล่ด้วยเช่นกัน

ขามีหรือไม่มี ดีหรือไม่ดี ไม่ใช่สิ่งสำคัญมากไปกว่า
การพยายามที่จะเดิน เพื่อให้ชีวิตมันอยู่ได้
ใช่ไหมครับ

สิงหาคม 2553

ปล. เมื่อวานเห็นเปเล่โดนรุมงับที่หัว ร้องจ๊าก!! ผมก็วิ่งเข้าไปแยกพี่ๆ ทั้งสองตัวของมันออกห่างจากเปเล่ แต่สองนาทีให้หลัง เสียงจ๊ากก็ดังขึ้นอีกครั้ง เราก็นึกในใจว่า มึงจะแกล้งไอ้เปเล่ทำไมนักวะ...หันกลับไปดู กลายเป็นไอ้เปเล่แม่งงับหางพี่ของมันอยู่ แถมขู่อีกด้วย.. ฮ่วย - -''