31.3.57

1 วันอันแสนคุ้ม







ตื่นเช้าไปร่วมพิธีแต่งงานเพื่อนรัก 
สายๆ เข้าบ้านพาพอดีไปหาปู่กับย่า 
กลับจากแปดริ้วมารับวัคซีนที่สินแพทย์ 
พอดีครบ 6 เดือน น้ำหนัก 7.514 กิโลกรัม ตัวยาว 68 เซ็นติเมตร 
ร้องไห้นิดหน่อยตอนโดนเข็มปักที่หน้าขา หลังจากนั้นก็ยิ้มปากบาน 

วันนี้เป็นอีกวันนึงที่ใช้เวลาทั้งวันได้อย่างคุ้มค่า กับคนรักรอบๆ ข้าง 
อย่างเช่น เพื่อน ลูก เมีย พ่อและแม่ 


9 มีนา 57

18.3.57

ปั่นจนมันหายไป ...




ก่อนจะคิดปั่น จักรยานเป็นเพียงแค่ของเล่นแปลกตาชิ้นนึง ที่ซื้อมาแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจ มาถึงช่วงลูกจะคลอด (ก่อนหน้านู้นนด้วย) ผมเข้มงวดกับอาหารมื้อเย็นของตัวเองพอสมควร คือ เลี่ยงมื้อใหญ่ช่วงเย็น ให้เหลือแค่มื้อเล็กเท่านั้น ทำแบบนี้มานานมาก น้ำหนักก็ยังลอยอยู่ที่ 79-81 กิโลกรัม อย่างสม่ำเสมอ ... บางเดือนห้าวกิน แม่งพิง 82 ให้ตกใจเล่น

9 เดือนต่อมาผมทำแบบเดิม แต่เพิ่มการปั่นจักรยานมาทำงานเข้าไปอีก อาทิตย์ละ 2 วัน นอกเหนือจากการปั่นเล่นเสาร์-อาทิตย์ คนเดียว ประมาณ 50 กิโลเมตร

กลับแปดริ้วไปหาพ่อกับแม่ ยืนบนแท่นตาชั่งที่บ้าน ... ชิบหาย น้ำหนักกูทำไมเหลือแค่ 72 เองวะ รวบรวมความคิดต่างๆ แล้วก็สรุปได้แบบกากๆ ตามประสาว่า ใน 1 อาทิตย์ ถ้าเราปั่นจักรยานให้เหงื่อมันออกอย่างต่อเนื่อง ซัก 50-60 กิโลเมตร (ช้าเร็วไม่ต้องสนใจนะ)

- กินเท่าเดิม 3 มื้อ ไม่มีเว้นแป้ง น้ำตาล ไขมัน น้ำหนักจะคงที่ ไม่เพิ่ม ไม่ลด
- กินหนักแค่ 2 มื้อ ช่วงเย็นเบาหน่อย แต่ไม่มีเว้นแป้ง น้ำตาล ไขมัน น้ำหนักจะค่อยๆ ลดลงทีละน้อยๆ บางทีอาจจะเพิ่มถ้าเราลืมปั่น
- กินเท่าเดิม 3 มื้อ ช่วงเย็นเบาหน่อย เว้นแป้ง น้ำตาล ไขมัน เพิ่มผัก ผลไม้ และแดกน้ำเยอะๆ น้ำหนักจะลงวูบวาบๆ เหมือนลมรั่ว

ปั่นจริงจังมา 2 เดือน น้ำหนักหายไป 8 โล หัวเข่าที่เคยพังเพราะเตะบอล เริ่มหาย และกลับมาใช้งานได้ดีในระดับนึง โรคภูมิแพ้ที่เคยเป็น หายไปพักใหญ่ และไม่ได้เป็นหวัดนานมาก

แต่รูปยังมีเหมือนเดิมนะ ไม่หายไปไหน

มี.. 57


ปล.โปรเจคทัวร์เรื่อย 100 กิโลเมตรแรก ใกล้เข้ามาแล้ว หลังเมษาคงได้ลุยซักที พระราชวังสนามจันทร์ รออยู่ อิอิ