30.12.54

2554 เท่านี้ก็เกินพอ




อีกสองวันก็ข้ามพ้นปี 2554 แล้วครับ...

ปี้นี้มีเรื่องราวผ่านเข้ามาในชีวิตมากมาย
มีทั้ง ดี และ มีทั้ง ไม่ดี
หลายสิ่งที่มีคุณค่าต่อการจดจำ มันจะคอยย้ำเตือนเราอยู่เสมอ

จากปีนี้ไป เป็นยังไง ไม่รู้
ก็คงอยู่ที่ กาละ และ เทศะ เป็นสำคัญ
ว่าก้าวต่อไปในวันข้างหน้านั้น ควรจะเป็นเช่นไร

สุขสันต์วันปีใหม่ แด่ทุกคน
และแฟนคลับบล็อคของผม ที่หลงเข้ามาอ่าน
ทุกท่านนะครับ (ก็อ้างมั่วๆ ไป)

ธ.ค. 54

27.12.54

1 คืน 1 วัน ของบ้านฉัน






เป็นครั้งแรกในรอบ 2-3 ปี ทีไ่ด้ไปเที่ยวกับพ่อ แม่และน้องชาย หลังจากที่ไม่ค่อยได้ไปกับพวกเขาเท่าไหร่นัก เพราะมัวแต่่ง่วนอยู่กับการจับแฮนด์มอเตอร์ไซค์ มาคราวนี้ได้นั่งรถตู้ซะบ้าง ก็ถือเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศจิบรสชาดของลมหนาวได้อีกแบบหนึ่ง นึกถึงตอนเครื่องบินนกแอร์ เทคออฟออกจากรันเวย์แล้ว แม่ง เวลาในการเดินทางจาก กทม ไป พิดโลก มันช่างสั้นจังวะ

อีตอนที่ขี่มอเตอร์ไซค์ไปเขาค้อ ถ่อกันไป 4-5 ชั่วโมงกว่าจะถึง (นกแอร์บินแป๊บเดียวก็จอดแล้ว)

รอบนี้บินไป ผ่าน Route 12 แต่วิ่งย้อนทางขึ้นไปอีกฝั่ง ทำให้ได้รู้ว่าทางที่เรายังไม่เคยไป มันสวยชิบหายเว้ย ถนนสวยๆ วิ่งเลาะไร่กะหล่ำ กลิ่นมันช่างยั่วยวนน้ำลายซะจริง ยังบอกกับแม่ที่ยืนอยู่ริมรั้วบนเขาว่า "น่ามาขี่มอไซค์เนอะแม่" แกก็ได้แต่ยิ้มๆ แล้วก็เดินผ่านไป

ปีนี้พ่อกับแม่แก่ลงไปเยอะ แม่เอาวีลแชร์ส่วนตัวติดมาด้วย อย่างน้อยก็เป็นครั้งนึงที่เราได้เข็นวีลแชร์ให้แกนั่ง (บางที แม่ก็เดินแล้วเข็นวีิลแชร์เปล่าๆ เองซะยังงั้น) ช่วงเวลาความสุขของคนหลังวัยเกษียณ คงไม่ได้อยู่ที่ว่า สถานที่นั้นมันสวยหรือไม่ อย่างไรนะ แต่คงเป็นเพราะการที่มีโอกาสได้ไปกับลูกชายทั้งสองคนพร้อมหน้าพร้อมตากัน (ซึ่งนานๆ จะมีซักครั้ง)

ทำให้บางที ที่ๆ คนอื่นเห็นว่ามันธรรมดา
คงต่างจากพ่อกับแม่เรา ซึ่งดูมีความสุขอย่างล้นเหลือ
แม้จะเป็นเพียงแค่ชั่วข้ามคืน ที่เหมือนไม่มีอะไรเลยก็ตามที

ธันวา 54

วีลแชร์ เวลาเข็นลงทางลาด ต้องหันหลังลง ไม่งั้นที่วางขามันจะครูดพื้น (แม่แนะทริกมาให้ ตอนเข็นแกไปครูดพื้นวัด --')

19.12.54

Sunday Riders :) :)






ไปพระที่นั่งอนันตสมาคม มาอีกแล้ว (555)
แต่คราวนี้ ไปกับพี่ๆ ชาว HDP พี่เอ และชาว Sunday Riders ครับ เสาร์ที่ผ่านมางานเต็มปรี่ 3 ที่ซ้อน ทำใจไปทุกงานไม่ไหว เพราะต้องรอรับหญิงกลับจากพัทยา เลยตัดสินใจอยู่บ้านลาดกระบัง แล้วไปแว๊นซ์ในเมืองเอาดีกว่า จะได้ไม่ต้องขับรถสองรอบสามรอบให้เมื่อยตุ้มอีก

ลานพระรูป รถ และ คนเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกๆๆๆๆๆๆๆ เฉพาะพวกเราก็ปาเข้าไป 20 คันได้แล้วมั้ง แล้วไหนจะกลุ่มรถสปอร์ต ฟิกเกียร์ อีก นี่ไม่นับเวทีมวยพี่บัวขาว ที่ต่อยวันรุ่งขึ้นอีกนะ แต่ก็ดีที่ได้แสงไฟจากเวทีนั่นล่ะ ทำให้พวกเราไม่โดนยุงหามกัน

พูดคุยกันซักพักก็แยกย้ายกลับบ้านโล่ด สนุกกับการขี่รถในเมืองตอนกลางคืน ที่รถไม่มี ไม่ติด (แอบมีนิดๆ แถวสวนรถไฟ) ไม่เบียดเสียดกันจนแออัด แถมอากาศเย็นสบายซะด้วย

ชักจะติดใจกรุงเต้บซะแย้วอิอิ

ธันวา 54

มีแค่รถเก่าๆ 2 คัน
ก็มันส์ดี

13.12.54

พระที่นั่งอนันตสมาคม





หลังจากที่กลับมาจากการไปแว๊นบนเขาใหญ่เมื่อวันอาทิตย์ วันจันทร์เป็นวันหยุดต่อเนื่องชดเชยวันรัฐธรรมนูญครับ อากาศในกรุงเทพช่วงนี้ หนาวไล่เลี่ยกับบนเขาใหญ่แฮะ ตื่นเช้ามาก็เลยจัดการอาบน้ำ ขัด เช็ด ถู เจ้าแก่ซะสะอาดเอี่ยมเลี่ยมเชี่ยม พอตกค่ำ กะว่าจะพาออกไปชมวิวในเมืองซักหน่อย อยู่แต่ป่่าเดี๋ยวจะหาว่าหลังเขา อิอิ

Anantasamakom Palace หรือ พระที่นั่งอนันตสมาคม คืออีกหนึ่งสถานที่ ที่ต้องการไปในยามค่ำคืนครับ ตั้งแต่ก่อนวันที่ 5 ธันวาคม บริเวณโดยรอบถูกตกแต่ง ประดับประดาไปด้วยไฟสว่างไปทั้งลานพระบรมรูปทรงม้า ขี่จากสุวรรณภูมิทุ่มตรง กว่าจะไปถึงที่ลานหน้าพระรูปก็สองทุ่มกว่า แล้วก็เดินเล่นเสียพักใหญ่ ได้คุยกับพี่คนนึง แกขี่ Fatboy EVO ผ่านมา ก็ทักทายกันตามประสา

สี่ทุ่มครึ่งก็ได้เวลากลับเข้าบ้านครับ เย็นยะเยือกดีจริงๆ กับระยะทางไป-กลับ 80 กว่ากิโลเมตร ก็ไม่ไกลเท่าไหร่ เดี๋ยวเอาไว้วันหลังไปอีกซักรอบท่าจะดี

:) :)

ปล. เส้นราชปรารภ รถแม่งวิ่งยังกะจรวด สาด --''

ธันวา 54

มีแค่เต่า กับ สปริงเกอร์ เก่าๆ เราก็พอใจ

7.12.54

>>> บนเส้นทางหลวงหมายเลข 12 :) :)






อาทิตย์ที่ 4-5 ธันวา พวกเราไปเขาค้อกันมาครับ
มีโอกาสได้แวะไปเที่ยวที่ Route 12 ซึ่งเป็นร้านขายของที่ระลึกบนยอดเขาค้อมาด้วยแหละ
วิวสวย อากาศดี ดนตรีเพราะ เหมาะกับการพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง

เราแวะไปนั่งเล่นสองรอบ คือวันแรกที่ไปถึงช่วงบ่ายแก่ๆ กับอีกรอบคือก่อนกลับ ประมาณ 8 โมงกว่า
ถ้าให้ผมเทคะแนนความชิลเอาท์ ก็น่าจะเหมือนกันกับความคิดของหลายๆ คน ที่ชอบความเงียบสงบในช่วงเช้ามากกว่า
ซึ่งต่างกับช่วงบ่าย ที่นักท่องเที่ยวเยอะมากกกกกหหห์ ๆๆๆ

นอกจากทุกอย่างที่ดีบน Route 12 เรายังได้เ้จอเพื่อนฝูง รุ่นพี่ รุ่นน้า และอีกหลายคน
ที่สนิทสนมกันผ่านหน้าเว็บ HDP ก็มันไปอีกแบบ แนบแน่นขึ้นกว่าเดิม
ทำให้รู้สึกได้ว่า โลกใบนี้ไม่ได้มีแค่เราอยู่เพียงเท่านั้น
ในกะลาของผม ยังมีอีกหลายคนที่มองโลกมุมเดียวเหมือนกับเรา

กลับถึงแปดริ้วเย็นวันจันทร์ครับ ถึงบ้านก็พอดีฟ้าปิดเรียบร้อย
พกความมันส์ในการขี่อีโวกลับมาเต็มกระเป๋า เล่นไปเก้าร้อยกว่ากิโลเมตร
พกความสุขกลับบ้าน ในการได้เจออากาศที่เป็นมิตรกับตัวผมเอง (แม่งเย็นยะเยือกเฮือกๆ)
และอีกหลายๆ อย่าง
...บนเส้นทางหลวงหมายเลข 12
ที่เคารพ

ขอบคุณอย่างสูงเขาค้อ ที่รอเรา :)

ธันวา 54

ปล. แอบใช้คอมชาวบ้านเหมือนเดิม Mac Pro กูเมื่อไหร่จะมาเสียทีวะ - -''

1.12.54

my UNDER construction



หายหัวจากบล๊อคไปหลายวัน (ใครจะสนวะ) ไม่ใช่อะไร..คอมที่ทำงานพัง -_-''

สืบเนื่องจาก Macintosh G5 ของผมที่กรำศึกในงานกราฟฟิคดีไซน์ต่อเนื่องกันมาเป็นเวลา 7 ปีเต็ม ได้ยื่นใบลาออกจากหน้าที่ คือตายคาเวทีไปเมื่อสามอาทิตย์ที่แล้ว ก็เลยทำให้ผมไม่มีคอมพิวเตอร์ใช้งาน (แน่นอน การใช้งานน้อยกว่าเล่นอินเทอร์เนท) สั่งซื้อไปเรียบร้อย เหลือแค่รอผลการตอบรับจากคณะกรรมการของมหาวิทยาลัย ว่าจะซื้อให้ (เมื่อไหร่) แน่ (วะ) ช่วงที่ผ่านมาก็อาศัยคอมพิวเตอร์ของชาวบ้านแถวนี้เล่นไปพลางๆ ก่อนแก้เซ็งครับ แต่ได้ประเดี๋ยวเดียวก็ต้องคืนเขา เพิ่งจะรู้ตัวเองว่า เรานี่แม่งเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ิติดคอมพิวเตอร์เหมือนกันนี่หว่า เพราะไอ้ช่วงเวลาที่ไม่มีคอมพิวเตอร์เป็นของตัวเองนี่ มันเป็นอะไรที่หงุดหงิดง่ามตีนมากครับ

อย่างน้อยก็ต้องร่อนเร่แบบนี้ไปอีกเกือบเดือน เนื่องจากสั่งซื้อ Mac Pro ต้องรอ (ส้นตีนอะไรวะ) กระบวนการนู่นี่นั่นโน่น หลายท่า กว่ามันจะเดิืนทางมาถึงที่ทำงาน อยากเห็นเต็มแก่แล้วว่า ไอ้ Apple Mac Pro 3.33 GHz. แม่งจะเร็วสาดขนาดไหน แต่ก่อนที่ 8-Core จะมา อาทิตย์นี้ขอไปแรดบนเขาค้อก่อนละกัน Route 12 เจอกันโว้ยยยยย...
เอิ้ววววว ~~

ธันวาคม 54

ปล. โกลเด้นท์ในรูปมันเป็นเด็กแปดริ้ว จิตพิสัยดีมาก ใครคิดจะเอาไปเฝ้าบ้านนี่ไร้ประโยชน์ครับ
ขนาดผมไม่เคยเจอมัน ยังมากระดิกหางดิ๊กๆๆๆๆ แล้วโจรมันคงจะไปเห่าหรอก - -"

www.spantechular.com/2010/07/27/new-mac-pro-is-looking-beastly-with-up-to12-cores/
Apple has just announced an overhaul on it’s most powerful platform. You can set up two 6-core Intel Xeon processors and have a whopping twelve cores to play with. This type of monstrous rig will run you around $5,000. If that’s too much for your pocketbook there’s an 8-core quad-core powered setup that will cost around $3,500. That 6-core processor will hit speeds of up to 3.33 GHz.

http://spantechular.com/wp-content/uploads/2010/07/AppleMacPro.jpg

ได้จอ 27" เล่นแองกรี้เบิ๊ดเพลินละกู๊ววว ><

17.11.54

@my eyes








ช่วงนี้น้ำท่วม เอแบคปิดเทอมยาวเหยียด ไปเปิดอีกที่ก็ 28 พ.ย. 54 นู่นล่ะครับ ก็เลยถือโอกาสช่วงว่างงาน (ไม่มีคอมใช้อีกด้วย) ถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยเปื่อย ด้วยกล้องคอมแพ็คไอ้แสดของ Canon (IXUS870IS) ไปพลางๆ แก้เหงาช่วงนี้ไปได้นิดหน่อย

สั่งซื้อ Mac Pro ตัวใหม่ไปแล้ว อีักตั้งสองเดือนกว่าจะได้ ช่วงนี้ก็นั่งเล่นคอมชาวบ้านไปก่อน จอเล็ก 15" (ยังจะมีในโลกใบนี้อีก) นี่มองไม่ค่อยจะเต็มตาเลยเว้ยเฮ้ย!!
รอ 27" ของกูก่อนเถ้อะแม่มม

พ.ย. 54

น้ำท่วม-ปิดเทอม-คอมพัง เหงามือจริงๆ

ปล. ส่วนใหญ่มีแต่รูปเอแบค แต่มีรูปสนามบินหลงมารูปนึง เมื่อวานไปจอดข้างรันเวย์กดมา 1 แช๊ะ รถจะเอาไปแดกตายห่า จะรีบขับกันไปไหนนักวะ - -''

14.11.54

สู้น้ำท่วมปี 54 #3



น้ำท่วมเมืองไทยหลายวันแล้วนะครับ ยังมีหลายพื้นที่ ที่ยังจมอยู่ใต้น้ำ ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง ทางฝ่ายที่ช่วยเหลือโดยตรงอย่างรัฐบาล หรือ กทม ก็เร่งกันช่วยกอบกู้สถานการณ์กันเป็นวาระแห่งชาติกันเลยทีเดียว ส่วนฝ่ายสนับสนุนอื่นๆ ก็ทะยอยเข้ามาให้ความร่วมมือกันคนละส่วน เราได้เห็นน้ำใจของคนไทยก็เมื่อเวลาคนไทยด้วยกันตกทุกข์ได้ยากจริงๆ อีกครั้ง

เอแบคก็มีส่วนร่วมในการยื่นมือเข้าช่วยเหลือน้ำท่วมครั้งนี้ด้วยเหมือนกันครับ คือภาระกิจการปั้นลูก EM-BAll ที่เหล่าบรรดา คณาจารย์ เจ้าหน้าที่ พนักงาน นักศึกษา ต่างมารวมตัวกันช่วยปั้นลูกกลมๆ เขย่าโลกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ถึงจะใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงในหนึ่งวัน แต่จำนวนของลูกบอลเขย่าโลกเมื่อเอาไปร่วมกับส่วนอื่นนั้น ก็อาจจะทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองไทย สะอาดขึ้นได้บ้่าง ไม่มากก็น้อย ถึงไม่ใช่ทั้งหมด แต่ขอเป็นส่วนนึงก็ยังดีนะ

เมื่อวันเสาร์ก็เพิ่งต่อเนื่องด้วยการไปตักทรายที่สุวรรณภูมิอีกหนึ่งดอก เล่นเอางอมพระราม 2 เลย

สู้ๆ นะพี่น้องคนไทย
ทางนี้ (ลาดกระบัง) ยังไม่ท่วม
ก็จะช่วยเท่าที่กำลังมีอยู่เนอะ

พ.ย. 54

รอน้ำจนไมเกรนจะแดกแล้วสาดดด

7.11.54

Music Bug's for Flood




http://nuugoz.multiply.com/photos/album/157/Music_Bugs_for_Flood

ไปร่วมแจมงานเปิดหมวกหารายได้ช่วยน้ำท่วมกับบรรดาฝูงเต่ามา ที่ siam paradise night barsaar
ก็ดีครับ บรรยากาศสบายๆ เป็นกันเองดี เงินที่เปิดหมวกเล่นดนตรีกันคืนนั้น ไม่ได้มากมายอะไร
แต่มันก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่พวกเราสามารถทำกันได้ โดยกำลังและความสามารถพึุงจะมี

เอาแมงกะไซด์ไปคนเดียว จอดแอ๊กใต้ด่วนกาญจนาภิเษกซักหน่อย
รถ 18 ล้อจะเอาไปแดกตายห่า รีบถ่ายรีบไปเถ้อะ - -'

พ.ย. 54
น้ำแม่งเมื่อไหร่จะลดซะทีวะ ศปภ. หัวดอเอ้ย

1.11.54

สู้น้ำท่วมปี 54 #2



ไปบริจาคของที่บางกระดาน กับเล่นกองทรายที่สนามบินมา
รู้แค่ว่า น้ำมาจริง อาจจะมาช้า แต่อยู่นานและไม่สนใจใคร
บางที่ ของยังไม่พอต่อความต้องการของคนที่โดนน้ำล้อมไว้มิดบ้าน (มิดจริงๆ)
ถ้าเวลาและโอกาสเอื้ออำนวย จะไปช่วยอีกหลายๆ รอบนะพี่

คนที่ถูกน้ำท่วม อย่าเพิ่งยอมแพ้
พวกเราเชื่อว่า น้ำใจคนไทย ไม่แพ้ภัย น้ำท่วม
อย่างแน่นอน

พย. 54
เมื่อเช้าหนาวแล้ว แต่น้ำยังเต็มเมือง

26.10.54

บ้านผมก็มีปลาวาฬ




นั่งวาดเล่นแก้เบื่อน้ำท่วม แต่ที่จริงเบื่อ ศปภ. อะไรของแม่งนั่นแหล่ะ
พูดวกไปวนมาอยู่ได้ ฟังไม่รู้เรื่องซักอย่าง

ลองดู Clip อันนี้ เป็นตัวอย่างของการสอนวิธี รู้จักกับน้ำ(ท่วม)ให้มากขึ้น
ผมว่า Clip นี้สามารถใช้เป็นสื่อการสอนเรื่องระบบกักเก็บน้ำในอนาคตได้เลยนะ (เป็นเล่นไป)
เข้าใจง่าย น่าติดตามมากกว่าคำแถลงการณ์ของ ศปภ. กวยๆ นั่นอีก

http://www.youtube.com/watch?v=b8zAAEDGQPM

ตุลา 54
มีแต่น้ำ กะ ปลาวาฬสีน้ำเงิน (ศปภ. รู้จักปลาวาฬป่าววว...)

20.10.54

สู้น้ำท่่วมปี 54



การไปทำอะไรกับใครที่ไม่เคยรู้จัก ได้อะไรกลับมาหลายอย่างเลยว่ะ
การได้ไปทำอะไรกับคนดังในทีวี ที่เขามองกันอีกอย่าง แต่เรากลับเห็นต่าง
ว่าจริงๆ แล้วมันเป็นยังไง
ต้องมาเห็นกับตาตัวเอง...
คำบางคำ ที่คนบางคนเคยบอกไว้ "ไม่เสียใจที่ได้ทำ และ เสียใจที่ไม่ได้ทำ" ไม่ว่าน้ำท่วมครั้งนี้จะร้ายแรงขนาดไหน สองคำนี้จะติดตัวเราไป นานเท่านาน




เหนื่อย ร้อน แต่มันส์ชิบหาย!!

ตุลา 54
น้ำท่วมหนักที่สุดตั้งกะกูเกิดมา
ขอบคุณทุกคนที่กูไม่รู้จักเลย ขอบคุณสุขานารี ขอบคุณป้ากล้วยแขก (แดกซะจุก)
และขอบคุณ โจอี้บอย อุ๋ย บุดด้าเบลส และคณะก้านคอคลับ
ที่ทำให้ผมรู้ว่า

พี่ไม่ได้มีดีแต่แร็พ...โย่

17.10.54

รักเรา ไม่เก่าเลย





อาทิตย์ที่ 8-9 ตุลา พาตัวเองและเพื่อนอีก 1 ฝูง ขี่รถลงไปชุมพรมาครับ ถึงซักทีหลังจากที่สองปีที่แล้วไปแค่บางสะพานน้อย (แค่นั้นก็ไกลชิบหายแล้ว) มารอบนี้ขี่ Heritage Springer Classic ปี 1997 ลงไป เพราะตัดสินใจเลือกซื้อไอ้ม้าแก่คันนี้ ต่อจากเพื่อน (ตังค์ก็ยังไม่ได้ให้) มาไว้ในอ้อมตีนอีกครั้ง

ถือเป็นการกลับมาขี่แมงกะไซ ก่อนปลายหนาวได้เร็วกว่าที่คาดไว้ ระยะทางไป-กลับประมาณ 1200 กว่ากิโลเมตร สร้างความตื่นใจเหมือนเมื่อสองปีที่แล้วไม่มีผิดเพี้ยน เราออกจากแปดริ้วตีสามของวันเสาร์ที่ 8 ตุลา โดนฝนแม่งตั้งแต่บ้านยันชะอำ ขำกันแทบไม่ออก เพราะขี่รถใหญ่บนถนนแปดเลนส์ แถวๆ บางแคนี่แสนจะทรมานชิบเป๋ง

ไหนจะฝน ไหนจะรถ นี่ยังไม่รวมไปถึงน้ำท่วมบางจุดที่ผ่านมาตามทาง แม่งโคตรจะเครียดครับ เพราะต้องประคองตัวเองให้รอด บวกกับต้องคอยพะวงเพื่อนที่อยู่ข้างหลัง ไม่ให้ขบวนหลุดกันเพราะหลบน้ำ และรถ ที่เช้ามืดวันนั้นก็ไม่รู้แม่งจะตื่นขึ้นมาวิ่งอะไรกันนักหนาวะ 555...แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี จนถึงเมืองชุมพรครับ

ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น 1 คืน กับอีก 2 วันริมหาดทรายรี บรรยากาศก็อึมครึมด้วยฝนหน้ามรสุม ผมกับทะเลนั้นคุยกันไม่ค่อยจะรู้เรื่องหรอก ถ้าเป็นป่าหรือภูเขา ก็พอจะเข้าใจกันได้ ก็เลยได้แต่นั่งสนทนาตามประสาคนบ้าแมงกะไซไปเรื่อยเปื่อย จนวันกลับจากชุมพรก็เป็นไปดังใจนึก คือโดนฝนแม่งตั้งกะออกจากชุมพรครับ แสดดด

โดนมาเรื่อยจนมาหนักเอาแถวมีนบุรี (แม่งจะถึงบ้านอยู่แล๊วว)

แต่เราก็จบทริปที่ร้านข้าวต้มหน้าสถานีรถไฟแปดริ้วพร้อมรอยยิ้มและความชุ่มฉ่ำจนได้ฮะ ก็ยังมิวายที่ฝนอุตส่าห์ส่งพวกเราจนเข้านอนอีก (แสด) ระยะทางที่ไปไม่ได้คิดว่ามันไกลซักเท่าไหร่ แค่ได้กลับมาขี่รถอีกครั้งก็ดีใจจะแย่ คงไม่ได้สนใจนั่งเลขไมล์ของการขี่ มากไปกว่านั่งยิ้มให้รถของตัวเอง ถึงรถจะเก่า แต่รักเราไม่เก่าเลยแฮะ

Evolution แม่งขี่มันส์ชิบหาย

ตุลา 54 หน้าที่มีแต่ฝน

ปล. ฝนตก น้ำท่วม ก็ใจร่มๆ สู้กับมันนะครับ เชื่อว่าประเทศเราจะฝ่าวิกฤตรอบนี้ไปได้ไม่ช้าก็เร็วแหละ

26.9.54

แค่พอใจ



สวัสดีค่ะ หนูชื่อ ด.ญ. พอใจ.....

พอใจเป็นลูกสาวคนแรกของพี่แดง รุ่นพี่ที่ทำงานเดียวกันกับผมน่ะครับ อายุเดือนกว่าๆ เอง พ่อของพอใจเป็นช่างภาพประจำมหาวิทยาลัย แกผ่านเรื่องราวแห่งความสุขและความทุกข์มามากมาย เคยยืนอยู่บนเส้นขอบชีวิตที่เรียกว่า...พลิกผัน ด้วยสารพัดแห่งความโชคร้าย และความโชคดี ปนเปกันไป

พอใจเกิดมาเพื่อทำให้พ่อแดงยิ้มได้ครับ ยิ้มในแบบที่ไม่เคยเห็นแกมานานแล้ว
หลังจากที่พี่แมว แฟนคนแรกของแกจากโลกนี้ไปเมื่อหลายปีก่อน

ด.ญ.พอใจเกิดมาเพื่อทำให้โลกใบนี้ รู้ว่า มีอะไรมากกว่าการนั่งจมอยู่กับอดีต
ที่ทำให้เรามัวแต่หยุดอยู่กับที่ ไม่ก้าวเดินไปไหน ทำให้ชีวิตของผู้ชายที่ผ่านร้อนหนาวซักคน
ได้ยิ้มอย่างพอใจ

ยินดีด้วยนะพี่ สำหรับพี่
ผมว่าเท่านี้ก็พอใจที่สุดแล้วใช่ไหม

ปล. ลูกพี่น่ารักชิบหายเลยว่ะ โตมาจะแกล้งซะให้เข็ด อิอิ

บนทางเดินเดิมๆ







บ่ายวันเสาร์ ขับเต่ากลับบ้านที่แปดริ้วมาฮะ ท่ามกลางเมฆและท้องฟ้าอันอึมครึม วิ่งปุเลงๆ ผ่านท้องนาแถวๆ คลองอุดมชลจร (คนกรุงเทพไม่รู้จักกันล่ะสิ อิอิ) แล้วก็วิ่งตามทางไปเรื่อยๆ จนถึงบ้าน

สังสรรค์เฮฮาที่บ้านเพื่อนซักพัก ก็กลับเข้าบ้านนอน
แต่คราวนี้เร็วกว่าปรกติ สี่ทุ่มก็ร่วงแล้ว (แหงสิ แม่งล่อตั้งกะบ่าย 55)

ตื่นเช้ามาใส่บาตร แล้วก็ออกไปถ่ายรูปบนสะพานข้ามแม่น้ำบางปะกงซักหน่อย
เช้าๆ แบบนี้บรรยากาศดีใช่เล่น แล้วก็ควบเต่ากลับบ้าน...
จะหมดเดือนกันยาละ เข้าเดือนตุลาคม คงมีอะไรให้เราตื่นเต้นอีกระลอก

ไม่ช้าก็เร็วแหละ
แต่เราก็ไปเรื่อยๆ
เดินช้าๆ บนทางเดิมๆ
เหมือนเดิม

กันยา 54

23.9.54

อย่ากลัวฝน เพราะฝนนั้นเย็นฉ่ำ






เล่นซะน่วมเลยเมื่อวาน - -''
ฝนตกตั้งกะเย็นครับ ตั้งเค้ามาดำปิ๊ดปี๋จากทางฝั่งบางนา แล้วซักพักมันก็ตกสมใจนึก
ทีแรกก็กะว่าจะออกหน้ามหาวิทยาลัย วิ่งเส้นบางนา-ตราด

แต่เกิดเปลี่ยนใจกะทันหัน (จริงๆ น่ะขี้เกียจ)
วิ่งกลับทางเก่า ลาดกระบัง-คลองสวน ครับ สมใจเลย ถนนกลายเป็นคลองชัดเจนมาก อยู่ข้างสวนด้วย - -''
ระหว่างทางกลับ วิ่งปุเลงๆๆ ผ่านทุ่งนา ขอแวะถ่ายรูปเก็บไว้ซักหน่อย...ยังมีกะใจ

ฝนตกไม่เป็นไร เครื่องไม่ดับเป็นใช้ได้
น้ำเข้าเต่าไม่เป็นไร ซักพักมันก็ไหลลงรูเดิม (เอามือวิดช่วยเล็กน้อย อิอิ)
อย่ากลัวฝน เพราะฝนนั้นเย็นฉ่ำ~

ปล. เช้ามาจอดใต้ตึก ขออีกซักรูปวะ โล่งดี

20.9.54

เริ่มชัด



เริ่มเห็นเค้าลางของการเปลี่ยนชีวิตอีกครั้ง
หลังจากได้ยินสัญญานของการปรับตัวอีกรอบ
ชีวิตน่าจะมีอะไรผกผันอีกที แต่...

รอบนี้คงเป็นรอบสุดท้าย
และคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอีกต่อไป
ข้างหน้าเป็นความจริงเสียที ดี ไม่ดี

ก็ยืดอก เพราะเลือกเอง

กันยา 54
ใกล้เข้ามาแล้ว

16.9.54

เยี๊ยกเปียกก



เปียกฮะ = ='

เมื่อวานหลังจากเลิกงาน เป็นวันแรกของรอบหลายปี ที่รู้สึกว่าไม่อยากกลับบ้านเลยวุ้ย
มิใช่อันใดเลย เพียงแต่ว่า ท้องฟ้ามันครึ้มมมม เมฆดำลอยมาเป็นกลุ่มก้อนสวยงาม อยู่บนฟ้าไม่กี่อึดใจ น้ำจากก้อนเมฆก็พรั่งพรูลงมา
ไอ้ครั้นจะนั่งเล่นเนทอยู่ที่ทำงาน มันก็เหงาเกิ้นนน ก็เลยตัดสินใจ...เอาวะ ไปจมเอาดาบหน้า!!!

เดชะบุญ เหมือนบาปที่ติดตัวมายังไม่ถึงเวลาชดใช้ ส่งให้เราอ้อมไปอีกทาง (ว่ะฮาๆๆ) ที่มันน่าจะท่วมน้อยที่สุด แล้วก็สัมฤทธิ์ผลฮะ ด้านบางบ่อถนนยังดี (หรือบ่อมันเยอะวะ) น้ำก็เลยไม่ท่วมเหมือนฝั่งด้านหลังมหาวิทยาลัย คุณนายประหยัดก็เลยรอดการจมน้ำไปอีกวัน มีซึมๆ มาที่พื้นบ้างเล็กน้อยช่วงถนนทางออกหน้าเอแบค

แต่มันก็หายกลับไปที่รูเดิม อิอิ

ฝนตกทุกวัน คิดว่าเต่าจะกลัวเรอะสาดดดดด

กันยา 54

ปล. ตกได้ตกไป แต่อย่าท่วมนะมึง เดี๋ยวกูจมน้ำ >_<

14.9.54

โลกใบเล็ก



ถึงขนาดลงทุนถ่ายรูป ตั้งชื่อบล็อกซะน่ารักเชียว - -''

ใจจริงไม่อยากไปยุ่งกับแม่งเล้ย สาดดด...เมื่อวานช่วงค่ำอาบน้ำตามปรกติครับ ตะหงิดๆ อยู่ว่าเมื่อวานอาบอยู่ดีๆ แหงะดูผ้าม่านกันเปียกในห้องน้ำ เอ่ะ ตัวอะไรมันเกาะอยู่ตรงห่วงคล้องผ้าม่านวะ สบสายตากันปิ๊งปั๊งๆ ก็ได้คำตอบในใจ

...จิ้งจก... .. .

ผมเป็นผู้ชายที่ไม่คิดจะญาติดีกับจิ้งจกทั่วโลกครับ ไม่ว่าจะเป็นพันธ์พิเศษหายากมาจากไหน 3 หาง 4 ขา หรือ 8 หัว กูก็ไม่เอาทั้งนั้น ใหญ่ เล็กขนาดไหนก็อย่าได้มายุ่งวุ่นวาย พูดแล้วก็ ยี๋...ตัวนิิ่มๆ ใสๆ หางกระแด่วๆ วุ้ย ชวนขนลุกที่ตูดชิบหาย

ก้มลงจะแปรงฟันครับ ตาเหลือบไปเห็นหางอะไรแว้บๆ อยู่ข้างแก้ว สัญชาติญานสะกิดเรียกเสียงดังฟังชัดว่า งานเข้า! ใช่เลย มันคือ จิ้งจก...สาดๆๆๆๆ แต่ก็ยังดีที่มันอยู่นิ่งๆ แววตามันมองมาที่ผมเขม็ง เราทั้งคู่ผสานหัวใจกันเป็นหนึ่งเดียว ยังไม่ทันที่แปรงสีฟันจะเข้าปาก ก็เปิดประตูออกไปตั้งหลักก่อน

สาดดๆๆๆๆๆๆ

ไม่ได้หนีนะ แค่เดินออกไปเอากล้องมาถ่ายรูป (ถ่ายทำไมวะ?) แล้วไอ้จิ้งจกมันก็คงไม่รู้จะหนีไปทางไหนดี เพราะผมเล่นหยิบภูเขา (ตลับแว๊กซ์ผม) พร้อมกับหินโสโครก (ขวดโรลออน) ไปขวางทางแม่งทั้งข้างหน้าและหลัง มันก็เลยอับจนหนทางไป...สะใจว่ะ

เป็นไงล่ะมึง ซ่านัก
ยกภูเขามาขวางทางแม่ง สาดดดดดดดด

กันยา 54

ปล. ชีวตกูทำไมแม่งต้องเจอแต่จิ้งจก >_<
ปลล. โลกของมันจะเป็นยังไงวะ เจอภูเขาขวางหน้า
ปลลล. ช่างแม่งเหอะ แค่สะใจก็พอ

12.9.54

กลับบ้านเก่า



ไปเมืองย่าโมมาครับ สองอาทิตย์นี้ได้แต่ตะลอนๆ ขับรถร่วมพันโลไปแล้วมั้ง เคยมาอยู่ที่โคราชสมัยเรียน ป.3 เพราะพ่อย้ายมาเป็นข้าราชการครูที่นี่ อยู่ได้แค่ 6 เดือนก็ย้ายกลับแปดริ้ว แต่เหมือนกับว่าเราอยู่โคราชมาเสียนาน อะไรๆ รอบๆ เมื่อเราไปถึงอีกครั้ง มันก็ยังเป็นเหมือนเมื่อตอนยังเด็ก วัดก็ยังอยู่ตรงนั้น บ้านฉันก็เคยอยู่ตรงนั้น ฯลฯ

แวะไปไหว้ย่าโม 2 รอบ เจอฝนทั้งสองที เมืองโคราชวันนี้รถเยอะกว่าเมื่อก่อนมากมายครับ กินข้าวกลางวันและเย็น ที่ร้านเป็ดย่างพิมาย เลยบ้านมานิดนึงเหมือนเคยเป็นมา (สมัยก่อนน้องชายเรียน มทส. ก็มากินแต่ร้านนี้) เป็ดก็ยังแห้งเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ใช้ชีวิตอยู่ในโคราช 3 วัน 2 คืน เจอแต่ฝนแล้วก็ฝน ตกกันไม่เว้นแต่ละวัน หนักบ้างเบาบ้างแต่ก็ไม่เคยขาดเม็ด

ขับรถผ่านหน้าบ้านเก่า เหมือนจำได้ลางๆ ว่าบ้านอยู่ละแวกวัดศาลาลอย แต่คราวนี้มันเปลี่ยนไปมาก ตึกราบ้านช่องมันสลับกลับที่กันไปหมด เช่นเดียวกับความทรงจำวัยเด็ก ที่พอมีหลงเหลือแบบลางๆ นึกถึงตอนที่ยายนั่งรถทัวร์มาอยู่บ้านนี้ ตอนดึกที่พ่อกลับมาจากภาคใต้ แล้วซื้อของเล่นมาให้ เราก็ยังอุตส่าห์ตื่นขึ้นมาเล่น ทั้งๆ ที่มันเที่ยงคืนกว่าเข้าไปแล้ว...หรือจะเป็นช่วงที่น้องชายมันพูดเหน่อสำเนียงโคราช แล้วเราเอาไปฟ้องแม่ (ทำไมก็ไม่รู้)

แม่เคยเล่าให้ฟังว่า คืนที่เรามาถึง ฝนตกหนักมาก ทุกคนหลับกันหมดบ้านเพราะเหนื่อยที่เดินทางมาไกลโข เช้ามาน้ำฝนเต็มปรี่ทุกตุ่ม...เพราะข้างบ้านเขารองน้ำฝนไว้ให้...นึกแล้วก็อดอมยิ้มไว้ไม่ได้ แม้เวลามันจะผ่านมานานราว 20 กว่าปี แต่เมื่อใดที่แม่นึกขึ้นได้ แล้วหยิบเอาเรื่องนี้ขึ้นมาเรา ก็เรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มได้ดีนักแล

คนโคราช มีน้ำใจ...
กลับมาเยี่ยมโคราชเมื่อไร หัวใจมันพองโต
ถึงแม้บ้านเก่าเราจะไม่ได้อยู่ที่เดิมแล้วก็ตามที

เวลาเปลี่ยนไป แต่ความรู้สึกมันก็เหมือนๆ เดิม
ถึงจะลางๆ ก็เถอะ

กันยา 54

โคราชบ้านเอ็ง

8.9.54

รุ้ง





หลังฝนตกหนัก มักจะมีรุ้งครับ แต่ก็ต้องขอความช่วยเหลือจากแดดอ่อนๆ ด้วยนะ รุ้งมันถึงจะเกิดแบบเต็มวงแบบนี้ เมื่อวานช่วงหลังเลิกงาน น้องฝนกลับมาทำหน้าที่เหมือนทุกวันที่ผ่านมา แต่คราวนี้หนักกว่าหน่อย เล่นเอาคุณนายประหยัดงอมพระรามกันเลยทีเดียว แต่ตกได้ซักพัก เธอก็หายเข้ากลีบเมฆไป พร้อมกับส่งเพื่อนสนิทอย่าง น้องรุ้ง มาอวดโฉม เฉิดฉายอยู่หน้าม่านสีขาวขุ่นบนท้องฟ้า

ฝนตกก็ดีนะครับ ชุ่มฉ่ำไปทุกพื้นที่ นานๆ จะเห็นรุ้งในกรุงเทพ เมืองฟ้าอมรซักที ที่ๆ หันไปทางไหนก็มีแต่ตึก สะพานลอย โรงงาน ฯลฯ หันไปเห็นรุ้งให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านนอกดี

ลืมเอานิ้วจิ้มตูดซะด้วย ไม่รู้นิ้วจะกุดมั้ย อิอิ

กันยา 54

ปล. เอาไงกับรถดีวะ >_<

6.9.54

เพื่อให้หัวใจแข็งแรงพอ



ครอบครัวก็เหมือนเรือลำนึง เมื่อคนพายหนึ่งคน หมดแรงเลิกพายไป คนที่เหลืออยู่ ถ้าไม่ช่วยกันพายต่อ เรือมันไปไม่ถึงฝั่ง หรือหันออกนอกทาง การห้ามโรคภัยให้เกิดกับเรา มันห้ามไม่ได้ แต่เราห้ามความคิดของเรา ไม่ให้ป่วยไปตามโรคได้ ถ้าหัวใจเราแข็งแรงพอ

ความเหนื่อย หรือท้อแท้ มันมีกันทุกคน ไม่เว้นแม้แต่คนที่แกร่งที่สุด แต่ความแตกต่างของคน มันอยู่ที่ว่า "ใครล้มแล้วลุกไวกว่ากัน" ร้องไห้เท่าไหร่ก็ร้องไป ทุกคนเข้าใจ แต่ร้องเสร็จแล้วก็ลุกขึ้นมา พาคนที่เรารักไปทำ "ทุกอย่าง" ที่หมอหรือเขาต้องการ อย่ามัวเสียเวลากับเรื่องเสียใจ เพราะเราไม่รู้ว่า เรามีเวลาเหลืออีกเท่าไหร่

แม่ผมเป็นหอบมา 26 ปีเต็ม ขนาดว่านั่งเฉยๆ ยังเหนื่อย บวกกับปลายชีวิตก็ยังเป็นมะเร็งแถมมาอีก (ไม่รวมเนื้องอกในปอด ที่ไปขึ้นเขียงให้หมอผ่าหลังเล่นๆ ซะงั้น) แต่แกไม่เคยบ่นซักคำว่า ทำไมต้องเกิดกับแกวะ เพราะแม่สอนให้คิดเสมอว่า คนที่แย่กว่าแม่ยังมีอีกเยอะ แกไม่มีเวลาพอที่จะไปคิดเรื่องแย่ๆ แบบนั้น สู้เอาเวลาที่เหลือมาใช้ให้มีความสุขกับคนที่เรารักดีกว่า อะไรที่ดี ที่ไหน ที่ใครบอกหรือแนะนำ แม่ไปและทำตามหมดทุกอย่าง

แกไม่ได้ทำเพราะว่ากลัวที่จะไม่มีชีวิตอยู่บนโลก แต่แกอยากใช้เวลาที่เหลือให้คุ้มค่ากับคนที่แกรัก และทำทุกอย่างเพื่ออยู่กับคนที่รักแกให้นานที่สุด ได้ผลอย่างไรแกไม่รู้ รู้แต่ว่าได้ทำทุกอย่างแล้ว

ถ้าใครรอบข้างของเราล้ม ก็หวังเพียงแค่ลุกให้ไว แล้วทำทุกอย่างต่อไปตามที่สิ่งที่เราเห็นว่า ดีพอ เพราะเราไม่มีเวลากับเรื่องเสียใจมากเท่าไหร่ จงใช้เวลาที่เหลือให้คุ้มและแข็งแรงเข้าไว้

มันต้องมีคนหนึ่งคน ที่ลุกขึ้นพายเรือ
ถึงแม้คนที่เหลือมันจะเหนื่อยแค่ไหนก็เถอะ

กันยา 54

บล๊อคส่งกำลังใจสำหรับคนใกล้ตัว
เพื่อให้หัวใจแข็งแรงพอ

2.9.54

กันยา มากับฝน



ล่วงเข้าเดือนกันยายนแล้วครับ รู้สึกว่าเดือนที่แล้วนี่ ฝนตกมันเกือบทั้งเดือนเลยนะ จะเว้นก็เพียงแค่บางวันของอาทิตย์ ต่อมาจนถึงเดือนกันยา ก็พาเอาฝนตามมาอีกหลายระลอก โดนเต็มๆ ไปสองวันถึงกับเปื่อยได้ที่ ช่วงเช้าก็สดใสดีหรอกครับ แต่พอตกเย็น แม่งมามืดเชียว (ดูรูปสิ) ในใจก็นึกว่า ไม่ทันแน่ละ ขับต่อไปซักพักจนถึงกลางทาง ก็ไม่ทันจริงๆ แหละ - -''

โดนเต็มๆ ครับ มาชนิดที่ว่าขาวโพลนไปทั้งฟ้า ที่ปัดน้ำฝนทำงานมือเป็นระวิง กรุ่กกรั่กๆๆๆ ปัดเกลี้ยงมั่งไม่เกลี้ยงมั่ง
มาถึงบ้าน เอ่ะ อะไรมันอยู่ข้างโน้นวะ ฉ่ำๆ ใสๆ นองๆ

แม่ง...น้ำท่วมเต่า
แสดดดดด >_<

กันยา
พาฝนไปจากกูที

30.8.54

รู้ว่าต้องการอะไร



เมื่อคืนนั่งดูรายการช่อง 3 ที่นำเอาดารา 3 คนมาออก เกี่ยวกับการถ่ายทำ Reality Movie ที่ชื่อโครงการแสนอบอุ่นว่า "พลิกใจ ให้พอเพียง เพื่อสุขที่ยั่งยืน" ฟังดูพอเพียงดีนะครับกับโครงการที่ว่า ดาราทั้ง 3 คนประกอบไปด้วย โอปอล์, คริส หอวัง และซันนี่ ได้มาเปิดใจและพูดถึงการทำรายการ Reality ที่ทั้ง 3 คนมีส่วนเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านของบางตำบลในประเทศไทย พูดง่ายๆ ก็บ้านนอกนั่นล่ะครับ เพื่อศึกษาว่า ชีวิตพอเพียงนั้นเป็นเช่นไร

ชอบคำพูดของซันนี่ที่ว่า "ผมคุยกับตัวเองรู้เรื่อง รู้ว่าตัวเองต้องการ และมีอะไรบ้างแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องอยากได้เพิ่ม หากมันไม่มีความจำเป็นจริงๆ"

ซันนี่ว่า ผมไม่จำเป็นต้องมีรถครับ เพราะผมมี BTS มีรถไฟฟ้าใต้ดิน และแท๊กซี่ ซึ่งมันตรงกับความจำเป็นจริงๆ ของผม หากวันใดวันนึงผมมีความจำเป็นจริงๆ ที่จะต้องเสียเงินเพื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง และสิ่งนั้นสำคัญอย่าง "จำเป็น" จริงๆ เขาจะยอมเสียเงินเพื่อสิ่งๆ นั้น

อะโห มันเป็นอะไรที่ดูง่ายดายมากนะครับ ในการทำความเข้าใจความหมายของคำที่เขาพูด แต่ใคร?? จะทำแบบที่เขาพูดได้ นี่สิเรื่องยาก การตระหนักรู้ว่าตัวเองนั้นต้องการอะไรนี่สำคัญ เพราะมันจะทำให้เรา "หยุด" ความต้องการโดยที่ "ไม่จำเป็น" ออกไปแบบอัตโนมัติ โดยที่ไม่ต้องมีใครมายืนกำกับอยู่ข้างๆ

วิธีปฏิบัติในเรื่องของขั้นตอนการนำไปสู่ความ "พอเพียง" นั้นอยู่ในเว็บ www.84tambonsforking.com นะครับ จุดมุ่งหมายของการพอเพียง ไม่ได้หมายถึงว่า จะให้เรากลับไปเป็นชาวนาหรือคนสวนตามบ้านนอกนะครับ แต่จะเป็นอย่างไร คงต้องไปตามอ่านกันเอาเอง

การรู้ตัวเองว่าเราต้องการอะไร คงเหมือนการที่เรามีรีโมทเอาไว้บังคับตัวเอง เพราะทั้งหมดขึ้นอยู่กับนิ้วและสมอง ผนวกกับความอยากของเราเสียส่วนใหญ่นะครับ ว่าอยากดูช่องไหน บางทีเราเปลี่ยนช่องไปมา จนเรารู้สึกไปเองว่า ไม่เห็นจะมีอะไรน่าดู ทั้งๆ ที่จริง ถ้าเรานั่งดูช่องนั้นจนจบ เราอาจจะสนุกและได้เนื้อหามากกว่าที่เราคิดก็เป็นได้

ขึ้นอยู่กับความต้องการเปลี่ยนช่องของเรา แท้ๆ นั่นล่ะครับ
รู้ว่าต้องการอะไร ชอบอะไร อยากดู และอยากทำอะไร
แค่นั้นจริงๆ







26.8.54

Angel



ตัวผมเองล่ะครับ แบบนี้ล่ะ ตรงเป๊ะ
อยู่บนยอดเขา มองลงมาข้างล่าง
ข้างบนนี้ไม่มีใครก็ดีแล้ว อยู่ได้
ข้างล่างเป็นยังไงกูไม่รู้ แต่อยากอยู่ข้างบนด้วยกัน
ก็เดินขึ้นมาเอง

ทิฐิ มานะ
ตัวหลักและตัวหนักเลยนะครับ ทำให้คนบางคน
มีความรู้สึกและอารมณ์ต่างๆ เฉยชาได้นิ่งสนิท
แข็ง (บางคนสัมผัสบอกว่ากระด้าง หยาบ)
มากกว่าผสมด้วย อิฐ ปูน หรืออะไรในสมัยนี้ซะอีก

จะว่าไป ข้างบนมันนี้ไม่ได้สวยหรู แล้วก็ไม่ได้ดูดีด้วยนะ
หนาวก็หนาว เหงาก็ตัวเท่าบ้าน แต่อยู่บนนี้ล่ะสบายดี
รอบตัวไม่มีใคร ไม่สร้างความวุ่นวายใจให้คนอื่น

อยากมาก็มาเอง
อยากลงก็ลงไปได้
เทวดาขออยู่กับที่
ตรง ทิฐิ มานะ นี่ล่ะ
สุขดีในแบบที่เป็น

สิงหา 54
HD จะมาแล้วโว้ยยยสาดดด