3.3.58

โลกใบใหม่กับจักรยานของเรา







ซื้อจักรยานมาตั้งกะคันแรกๆ (ที่เริ่มปั่นจริงจัง) ก็คิดไว้ในหัวเสมอว่า ซักวันจะพาอีลูกนั่งจักรยานไปเที่ยวด้วย ไม่ใกล้ก็ไกล แค่ไหนนี่ก็คงแล้วแต่สถานการณ์

คิดอยู่นานว่า จะซื้อจักรยานเพิ่มอีกคันดี หรือจะเอาคันที่มันเจ๊งอยู่ ไปซ่อมให้มันกลับมาใช้ได้ คิดไปร่วมเดือน มือถือนี่เตรียมกดเบอร์โทร กดบทสนทนาในไลน์ เพื่อติดต่อกับร้านขายจักรยานละนะ เกือบไปหลายเที่ยวละ

แต่พอมานั่งนิ่งๆ คิดดีๆ จริงจัง (คือแบบช้าๆ อะไรงี้) ก็ตัดสินใจได้หลังจากสั่งเก้าอี้นั่งเด็กมาก่อนหน้านั้น ว่า เราควรจะเอารถที่ดีที่สุด เพื่อให้ลูกได้นั่ง สิวะ...

ก็อีรถคันใหม่ที่เพิ่งเปลี่ยนเฟรมมานี่ล่ะครับ ดีที่สุด เรามีเฟรมที่ดีที่สุดในเรื่องของการบรรทุก มีระบบเบรคที่ยอดเยี่ยมในภาคของเบรคแบบที่หนีบเข้าหากันด้วยแรงมือ และอื่นๆ ที่อยู่ในจักรยาน ของเล่นชิ้นล่าสุดของเรา

แต่มันดันติดอยู่อย่างคือ ... เสียดายรถว่ะ แม่งคือความงกของตัวเองชัดๆ
(นี่เมียด่าหลังจากเราสารภาพไปหมดเปลือก)
คือ กลัวเฟรมเป็นรอย กลัวว่าทรงรถมันสูงไป ฯลฯ
เวลาบรรทุกลูกแล้วเกิดล้มขึ้นมา เราจะถึงพื้นทันที่จะยันรถไว้ไหม
บลาๆๆๆๆ  ฯลฯ

โดยลืมนึกข้อที่ว่า จักรยานทุกยี่ห้อ ถ้าแม่งจะล้มก็คือล้มนั่นล่ะครับ จะไปเอาอะไรกับมันเล๊า
ประเด็นอยู่ตรงที่ เราอุตส่าห์ประกอบรถคันนึงมา เพื่อจุดประสงค์ในการบรรทุกของ
ทำไมไม่เอามันมาบรรทุกลูกไปด้วยเลยวะ เอ้อ...

คิดได้เช่นนั้น (สลับกับเหยียบเรื่องงกๆ ของเราจมตีนไป) ก็ซื้อและเอาเก้าอี้มาติดตั้งบนจักรยานครับ เป็นแบบนั่งซ้อนข้างหน้าคนปั่น คือกะว่าเดี๋ยวโตอีกหน่อยค่อยหาแบบนั่งข้างหลังคนปั่นมาใช้ละกัน ตอนนี้ยังเล็ก ให้พอดีนั่งหน้าโต้ลมไปก่อน เราได้เห็นลูกด้วยว่าเขาทำอะไรตอนเราปั่นจักรยาน

 ... แมตช์แรกในการออกปั่นก็คิดนู่นคิดนี่ไปเรื่อย จะยังไงวะ ลูกจะนิ่งมั้ย มันจะร้องมั้ย บลาๆๆๆๆ

ถึงวันแสดงจริง ใส่หมวกกันน๊อคให้ โดยที่แปลกอย่างก็คือ ปกติอีลูกเป็นเด็กที่ไม่ชอบมีอะไรใส่บนหัวมาตลอด แต่พอใส่หมวกกันน๊อคแล้วบอกว่าจะพาไปนั่งจักรยาน มันยอมใส่ว่ะเห้ย 5555555 คือชอบมาก ไม่บ่น เอ้ออ ดีเว้ยลูกกู 555

แถมนั่งแบบสงบเสงี่ยม พร้อมกวาดสายตาไปข้างหน้า ซ้าย ไปขวา แบบช้าๆ ด้วยความพิศวงในมุมพาโนราม่า ณ เก้าอี้ VIP แบบติดขอบเวทีหลังแฮนด์ ดูน่าตื่นตาตื่นใจเป็นอันมาก ประเมินได้จากการที่เราไม่ได้ยินเสียงร้องแบบกลัวของพอดีเลยซักแอะ ตรงกันข้ามคือมีแต่เสียงสนทนาระหว่างเราสองคน คิกขุ มุมิ๊ ไปตลอดทางของการปั่น

แต่กลายเป็น พอถึงที่หมาย (ร้านกาแฟ) หรือจอดพัก ... อีลูกแม่งไม่ยอมลง ร้อง ดิ้นกะแด่วๆ ให้ไปต่อซะงั้น 555 ทำให้อะไรที่เราเคยคิดไว้ในหัวก่อนที่จะเอาลูกซ้อนไปด้วย แม่งละลายหายไปหมดเรียบร้อย คราวนี้ ที่เหลือก็เพียงแค่ คอยหาวันและเวลาว่างตอนเช้า อากาศดีๆ

พาลูกไปปั่นในหมู่บ้านด้านหลัง วนเล่นซัก 2 รอบ แล้วออกไปปากซอยนั่งกินกาแฟ ข้าวเช้ากัน
แค่นั้น โลกของเด็กคนนึงบนที่นั่งจักรยานนี่แม่งก็โคตรจะยิ่งใหญ่แล้วล่ะครับ
ถือเป็นโลกใบใหม่ที่เด็กขวบกว่าเพิ่งได้สัมผัสอย่างจริงจัง

ต่างจากผู้ใหญ่เราที่เจอแต่โลกใบใหญ่ซะชิน จนลืมโลกใบเล็กใกล้ตัวไปซะฉิบ
มัวแต่คิดนู่นคิดนี่อยู่ได้ (รวมทั้งที่มัวแต่งกแล้วก็งี่เง่ามานาน นั่นล่ะ)

สำคัญที่สุดก็ควรต้องระวังตัวทุกครั้งในการออกปั่นพร้อมกับลูก
ปั่นให้ดีที่สุด ด้วยรถของเรา ที่เลือกใช้ของที่ดีที่สุดเท่าที่จะหาได้

นี่ก็คิดไว้ว่า ถ้ามีเงิน ก็จะซื้อรถเต่า กลับมาให้ลูกเมียนั่ง เปิดกระจก โต้ลมเพลินๆ เหมือนกันนะ
ตอนนี้ฝันไว้ก่อน ซึ่ง เป็นฝันที่สนุกมากถ้าเทียบกับเมื่อตอนยังไม่มีลูก

แค่คิด  เพราะตอนนี้จักรยานกับลูกนี่ก็สนุกจะแย่ละ
เมียแอบบ่นว่า ไม่ยอมซ่อมของเก่า เค้าจะได้ไปด้วย 555
งั้นรอแพ๊พพพนะ

ม.ค. 58

2 ความคิดเห็น: