ผมชอบบทความนี้นะ มันตรงใจดี
หลายปีก่อนหน้า ไม่เคยคิดแบบนี้ได้ แต่พอลูกเกิดมา
ลืมตาดูโลก จนสองขวบกว่า เขาสอนอะไรเราหลายอย่าง
เรื่อง โทสะ โมหะ อัตตา ฯลฯ
กราบนมัสการหลวงพ่อ เลี่ยม ไว้ตรงนี้
ผมรู้สึกศรัทธา
https://www.facebook.com/182989118504002/photos/a.182994541836793.46489.182989118504002/775903675879207/?type=3&theater
คนป่วย
ถ้าเรามองในแง่การสัมผัสกับสังคมที่เรากระทบ เราไม่พอใจสิ่งที่มากระทบนั้นก็เป็นอารมณ์ของโลกธรรมอันสืบเนื่องมาจากภัยของบุคคลอื่น
ความทุกข์ของบุคคลอื่นเขาไม่พอใจกับเรา เขาแสดงอารมณ์โกรธเกลียดกล่าวในทางให้เราเกิดความรู้สึกหดหู่ สาปแช่ง ดูถูกดูหมิ่นเราก็ควรที่จะหยุดตั้งสติให้ได้
การตั้งสตินั้นก็ไม่ได้มองที่อื่น มองที่มีการได้สัมผัสอันนี้เกิดจากอะไร เกิดจากความไม่สบายของบุคคลที่เรามีส่วนเกี่ยวข้อง มีส่วนผูกพัน มีส่วนสัมผัส
เขาไม่สบายเขาก็ระบายความทุกข์ออกมาในรูปแบบของการกระทำ เช่น กิริยามารยาท ภาษา สืบทอดในส่วนหนึ่งของภาษาคำพูดมันเป็นลักษณะของความไม่สบายของคน ๆนั้น
ถ้าเราไปเกี่ยวข้องกับคนไม่สบาย เราก็ยิ่งกลายเป็นคนโง่เขลาไปอีก เหมือนกับพยาบาลที่ดุด่าคนป่วยที่มีความทุกข์ไม่สบาย แทนที่คนป่วยจะสบาย ยิ่งทำให้คนป่วยมีความไม่สบายหนักขึ้นไปอีก
เราก็ต้องมองอย่างนี้ ถ้ามองอย่างนี้เราจะเกิดอารมณ์ของความเมตตา
เมตตาเป็นธรรมค้ำจุนโลก ถ้าเกิดเมตตาขึ้นมาอารมณ์จะสบาย จิตใจก็จะมีความสงบ
จากหนังสือไม่กังวล หน้าที่ ๒๔ หลวงพ่อเลี่ยม ฐิตธมฺโม เจ้าอาวาสวัดหนองป่าพง อุบลราชธานี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น