4.2.53

ที่เก่าแต่เราไม่เหมือนเดิม



หลายครั้งที่เวลา พาเราออกไปจากที่ที่คุ้นเคยเป็นเวลานาน นานจนเมื่อวันนึงได้กลับมายังที่เดิม มันเปลี่ยนแปลไปแต่เราไม่เปลี่ยนแปลงตาม แต่ในบางเวลาที่เราเลือกเดินออกมาจากที่ที่คุ้นเคย เป็นเวลานาน และวันนึงได้กลับไปยืนที่ตรงนั้นอีกครั้ง มันเปลี่ยนแปลงไปพร้อมๆ กับที่เราก็เปลี่ยนไปเช่นกัน...

สามวันที่แล้วหลังจากขี่ nightster กลับมาจากทำงาน ก็ใช้เวลาช่วงหลังพระอาทิตย์ตก ไปสังสรรค์กับเพื่อนและรุ่นน้อง ที่สนามฟุตบอลหน้าพระบรมรูป ร.5 ศาลากลางจังหวัดฉะเชิงเทรา หลังจากที่ตัดสินใจหันหลังให้กับการเตะลูกหนัง เป็นเวลา 4 ปีเต็ม เนื่องจากภาระต่างๆ หน้าที่การงาน รวมทั้งอาการบาดเจ็บ และความอิ่มตัวหลายอย่าง ที่เข้ามาเป็นระยะๆ

พื้นที่วิ่งเล่นตอนเด็กๆ ของผม ณ วันนี้กำลังเปลี่ยนแปลงไป ศาลาทรงไทยหลังเก่าหน้าศาลากลางจังหวัดถูกรื้อถอนออกไป และกำลังก่อสร้างอาคารใหม่ที่คาดว่าน่าจะแล้วเสร็จในปีนี้ (เหรอวะ) หลังจากรวมตัวกันได้ครบจำนวนคนแล้วก็เริ่มบรรเลงเพลงเตะลูกหนังข้างถนนกันครับ เตะกันอีรุงตุงนัง วิ่งกันพล่านเหมือนสมัยก่อนไม่มีผิด รวมเวลาที่ไม่ได้นั่งนับประมาณ 2 ชั่วโมงเกมส์ก็จบลงอย่างเรียบร้อย

สองวันผ่านไปจวบจนเข้าวันที่สาม ( 3 กพ. 53) ผมก็พบกับปัญหาที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับใครเลย แต่เกิดจากการร้างสนามเป็นเวลานาน นั่นก็คือข้อเท้าเจ้าปัญหาข้างเดิมๆ ที่เป็นอาการเรื้อรังจากการตระเวนเล่นฟุตบอลอย่างหนักหน่วงเป็นเวลา 15 ปีเต็มในสมัยวัยรุ่น (ตอนนี้ก็ไม่แก่เท่าไหร่นะจ๊ะ) เมื่อรู้สึกว่าเจ็บก็เลยหยุดแล้วก็เดินเป๋ออกมาข้างสนาม เพื่อจะรอดูอาการว่าเป็นอย่างไร

10 นาทีผ่านไป ไม่มีวี่แววว่ามันจะดีขึ้น ก็เลยเผ่นกลับบ้านดีกว่า ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนก็คงเล่นต่อไปโดยที่ไม่สนใจว่า ขาข้างที่เจ็บมันจะหลุดออกมาเมื่อไหร่ เพราะเรามั่นใจในความมันส์ในสนาม ที่สามารถทำให้เราลืมความเจ็บปวดได้โดยสนิท แต่เดี๋ยวนี้อะไรๆ มันก็เปลี่ยนแปลงกันได้ ขนาศาลาไทยเก่าอยู่มายี่สิบกว่าปีเขายังรื้อทิ้งแล้วสร้างใหม่ได้ ขากูเจ็บกูก็กลับบ้านสิครับ จะรอทำปลวกอะไรล่ะ

พรุ่งนี้ต้องทำงาน
ไม่เท่ห์เลยถ้าเจ็บขา
แล้วไปนั่งน้ำตาร่วงที่ทำงาน
ถ้าเป็นเมื่อก่อนล่ะแม่ง...

ลาล่ะครับ
3 กพ. 53

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น