สองถึงสามเดือนที่ผ่านมา คนที่ผมรักและสนิทสนม ค่อยๆ ลาโลกไปทีละคนสองคน ด้วยโรคประจำตัวบ้าง ด้วยอุบติเหตุอย่างไม่คาดคิดบ้าง เมื่อวานนี้ก็เช่นกันครับ รุ่นพี่ที่เคยไล่เตะบอลด้วยกันมาเกือบ 20 ปี ได้เสียชีวิตลงอย่างกระทันหัน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์
เด็กที่บ้านเขาร้องไห้โฮมาตั้งแต่ปากซอย เล่าความไม่เป็นศัพท์ จับใจความเนื้อหาของเรื่องราวได้แค่ว่า พี่เขาตายแล้ว ได้ยินแล้วก็ใจหายนะครับ เห็นกันอยู่เมื่อสองวัน แต่ปัจจุบันคงไม่ได้เจอกันแล้ว...
ในความคิดของผม คนที่ตายไปมีสองประเภทนะ
เด็กที่บ้านเขาร้องไห้โฮมาตั้งแต่ปากซอย เล่าความไม่เป็นศัพท์ จับใจความเนื้อหาของเรื่องราวได้แค่ว่า พี่เขาตายแล้ว ได้ยินแล้วก็ใจหายนะครับ เห็นกันอยู่เมื่อสองวัน แต่ปัจจุบันคงไม่ได้เจอกันแล้ว...
ในความคิดของผม คนที่ตายไปมีสองประเภทนะ
ประเภทแรกคือ ตายไปแล้วคนจดจำ...
ประเภทสองคือ ตายไปเสียได้ก็ดี...
รุ่นพี่ผมอยู่ในประเภทแรกครับ คือตายแล้วมีแต่คนเสียดาย (ผมขอข้ามที่จะเล่าเรื่องราวของแกบนบล็อกนี้ก็แล้วกันนะ) ความตายเป็นเรื่องธรรมดาอย่างที่หลวงพ่อพุทธทาสเคยว่าไว้ในเรื่องของ การจัดระเบียบความตาย ส่วนจะตายยังไงนี่ก็เลือกได้เหมือนกันครับ แต่มีแค่ 2 ข้อด้านบนเท่านั้นนะ ไม่ได้เลือกตอนก่อนที่จะตายนะครับ ควรสั่งสมความดีไว้ก่อนตาย แล้วให้คนเขาตัดสินกันเองละกันในภายหลัง
หลับให้สบายนะพี่...
ผมนั่งรำพึงอยู่ในรถ เมื่อวานเย็นนี้ว่า ห่าอะไรของมึงวะ??
คนดีๆ ตายหมดโลก
ไอ้พวกเลวๆ นี่แม่งเดินกันสลอน
แต่ก็อย่าได้ห่วงนะครับพี่ พี่จากไปมีแต่คนจดจำ
ไอ้เลวๆ ที่สลอนหน้าอยู่น่ะ
ถึงจะมีชีวิตอยู่
แต่ผมคิดว่าไม่มีใครจดจำแม่งหรอก
ด้วยความเคารพครับพี่เอ๋
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น