คืนวันศุกร์ กลับถึงบ้านกันราวเที่ยงคืน เพราะหญิงเคลียร์งานที่คนอื่นทำค้างไว้จนเกือบจะเรียบร้อย กว่าจะได้นอนก็ราวตี 1 กว่า หญิงบอกตลอดว่าท้องเริ่มแข็งเป็นระยะๆ มีเมือกออกมาจากทางช่องคลอดเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะดูจากข้อมูลต่างๆ ที่ค้นหาในเว็บแล้ว ยังไม่เป็นไร
...แล้วเราก็เข้านอน
เช้าวันเสาร์ที่ 7 กันยายน 2556 ตื่นนอนแต่เช้า ทำธุระส่วนตัวต่างๆ เรียบร้อย เที่ยงกว่าๆ ก็พาหญิงไปพบหมอ ตามใบนัดก่อนที่จะตรวจภายใน ในอีก 1 อาทิตย์ข้างหน้า และคลอดในอีกอาทิตย์ถัดไป (กำหนดวันคลอด 16 กันยายน...ชิวๆ มาก) ถึงคิวที่คุณหมอเข้ามาตรวจ เราบอกอาการต่างๆ ให้ท่านได้ฟัง แล้วหมอก็ให้หญิงเข้าไปอีกห้องเพื่อตรวจภายใน (....ตรวจทำไมวะ ยังไม่ถึงเวลานี่...เริ่มเอะใจ)
หมอเดินกลับออกมาพร้อมเรียกเราเข้าห้องพักแพทย์ - หมอกระหยิ่มยิ้มมุมปากนิดนึง แล้วบอก
...ภรรยาคุณผ่าคลอดวันนี้นะ...บ่ายสามครึ่ง
หญิงเดินกลับเข้ามาจากห้องตรวจภายใน - หมอกระหยิ่มยิ้มมุมปากนิดนึง แล้วบอก
...ยินดีด้วย คุณผ่าคลอดวันนี้นะ...บ่ายสามครึ่ง
เราสองคนมองหน้ากัน .... . .. . . . . . . . . . .......
บ่ายสองครึ่ง เวลาในห้องตรวจหยุดเดิน ทุกอย่างอยู่ในภวังค์ เพราะสิ่งที่หมอบอกก็คือ หญิงกำลังจะถูกผ่าคลอด ในอีก 1 ชั่วโมงข้างหน้า (เตรียมใจไว้ตั้งวันที่ 16 นู่น...แต่นี่มันอีกแป๊บเดียวเองนะเว้ยเห้ย...) ไม่นาน หลังจากความโกลาหลในห้องจบลง...
ภาพในละครที่เคยเห็นหน้าห้องผ่าคลอด ผุดขึ้นมาฉายตรงหน้าอย่างชัดเจน
- เราคุยกันสองคนหน้าลิฟต์ หญิงนั่งบนรถเข็น กำลังรอลงไปชั้น 4 ห้องผ่าคลอด (เราอยู่ชั้น 17)
- คนท้องน้ำตาคลอเบ้า (ตอนแรกคิดว่าซึ้ง หลังๆ ที่ถามไป ตอบมาดันบอกว่า ... กลัว -"-)
- คนท้องโทรบอกที่บ้าน พ่อ แม่ LINE บอกเพื่อน (LINE ช่วยให้ไม่ต้องกดเบอร์โทรหาหลายคน...ดีว่ะ)
- คนท้องเตรียมตัวลงไปชั้น 3 และรอที่ห้องรอคลอด (ใส่ฟอร์มคนไข้ ... ก็แหง๋ล่ะ)
- เรา (ณ เวลานี้แทนตัวเองว่าพ่อได้แล้ว) กรอกเอกสารต่างๆ นาๆ หน้าห้องรอคลอดชั้น 3
- คนท้องโดนเข็นขึนไปที่ห้องผ่าคลอดชั้น 4 (ทำไมไม่อยู่ชั้นเดียวกับชั้น 3 วะ ขึ้นๆ ลงๆ)
- พ่อ (เราเนี่ยล่ะ) เดินวนไปวนมาๆๆๆๆๆ อยู่หน้าห้องคลอด โดยที่เข้าใจตัวพ่อในหนังแล้วว่า มันเดินทำไมนัก (คือมันต้องเดินจริงๆ นะ เพราะอยู่คนเดียวหน้าห้องคลอดแม่งเครียดชิบหาย...)
- โทรบอกญาติโก โหติกา มิตรรักแฟนเพลงว่า เมีย แม่ แฟน .... ของกู กำลังจะคลอดลูกเว้ย
- บลาๆๆๆๆๆ ฯลฯ
บ่าย 3 โมง 30 นาที ... หน้าประตูห้องคลอด
พยาบาลเข็นตู้ปรับอุณหภูมิออกมา ข้างในนั้นมีเด็กอยู่นอนอยู่ 1 คน ... ลูกผมใช่มั้ยครับ ... (ถามพยาบาล)
... ไม่ใช่ค่ะ (อ่าว เหี้ยละ) คนนี้ก่อนหน้าภรรยาคุณ 10 นาที ของคุณรอซักครู่ค่ะ ... (อ่อๆ แล้วไป)
บ่าย 3 โมง 40 นาที ... หน้าประตูห้องคลอด
พยาบาลเข็นตู้ปรับอุณหภูมิออกมา ข้างในนั้นมีเด็กอยู่นอนอยู่ 1 คน ... คนนี้ต้องเป็นลูกเราแน่นอน
(ไม่ถามแม่งละ กูว่าชัวร์)
พยาบาลเข็นรถออกมาจอดหน้าลิฟต์ เพื่อจะลงชั้น 3 ผมหยุดมองลูก ทางช่องมองของตู้ปรับอุณหภูมิ
"สวัสดีครับลูก - สบายดีมั้ย เราได้เจอกันแล้วนะ
เดี๋ยวพยาบาลจะพาหนูลงไปข้างล่าง แล้วเราค่อยเจอกันอีกทีนะ"
เป็นคำพูดแรกที่เจอหน้าลูก :) (สั้นชิบหาย)
พยาบาลอมยิ้ม... แล้วพาเราสองคนลงลิฟต์ไปห้องเด็กแรกเกิด ชั้น 3
ผมเอ่ยปากตอบคำถามคนในลิฟต์ 2 คน ที่ขึ้นมาก่อนหน้าเราว่า
..."ลูกชายครับ ชื่อพอดี"... พวกเราในลิฟต์ต่างยิ้มให้กัน :)
ประตูลิฟต์เปิดออก ผมส่งลูกชายหน้าห้องเด็กแรกเกิด ยิ้มให้ แล้วกลับบ้านไปเตรียมของสำหรับหญิง
เป็นวันเสาร์ที่น่าจดจำวันนึงในชีวิต ถึงแม้มันจะโกลาหลมาก และพูดอะไรซึ้งๆ ไม่ออก เหมือนในหนังก็ตามที
7 กันยานยน 2556
ปล. ตอนยังไม่เป็นพ่อ ผมคิดเสมอว่า จะสรรหาวลีซึ้งๆ ทำหน้าซึ้งๆ เพื่อบอกทุกคนอย่างไรดีวะในเวลาที่ลูกเราเกิดมา แต่พอเอาเข้าจริง เจอลูกตัวเป็นๆ อยู่ข้างหน้า แม่งปั้นความรู้สึกออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก น้ำตาก็ไม่ไหล ไม่เห็นเหมือนในละครเลย ...ได้แต่จุกอยู่ในคอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น